หน้าเว็บ

29 พฤศจิกายน 2554

[sf] - กระซิบสวาท (TakaChii)



มันคือชุดเรื่องสั้นที่เอาเพลงมาดัดแปลงเป็นฟิค

เนื้อหาจะอยู่ที่เนื้อเพลงประมาณ 20%

มีทั้งหมด 5 เพลง 5 คู่หลักๆ ใครชอบคู่ที่เรียกว่า"คู่ปกติในจั๊มพ์" อ่านได้แน่นอนคะ

เรท G


................................................................................








เรื่องสั้นชุด
...ฝากรักเอาไว้ในเพลง

V.1 กระซิบสวาท (TakaChii)

"เธอร้อนอารมณ์ พะวงหลงตรมเสียก่อน
แหมชายนะชายแสนงอนเข้าใจฉันรอนหรือนั่น
ผู้ชายอะไรน้อยใจก็เมินไปพลัน ไม่รอให้ฉันจำนรร
ฉันจึงอัดอั้นตันใจ"

"ป๋า...หนูนอนไม่หลับ"

เด็กชายร่างน้อยหอบผ้าห่มทั้งหมอนเต็มอ้อมแขนผอม มาหยุดยืนหน้าเศร้าตรงโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ผู้เป็นพ่ออาศัยไว้ดูบอลยามดึก

ยูยะขยับตัวเล็กน้อย เมื่อร่างเล็กนั้นเดินเข้ามาซุกตัวเอาศีรษะพาดบนตักกว้าง มือที่เอื้อมจะโอบร่างนั้นเข้ามาอย่างเคย ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อไพล่คิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน

"ป๋า...ลูบหัวหน่อยสิ"

เสียงอ้อนติดเจือง้องอนน้อยๆแถมมาด้วยดวงตาดำขลับที่คุ้นเคยแหงนเงยมาอ้อนวอน

เขาจะทำอะไรได้นอกจากใจอ่อนยวบยาบเป็นเหล็กแข็งลนไฟ

การใช้เวลาทบทวนความสัมพันธ์เงียบๆและให้เหตุผลกับตัวเองว่าการคบกันแบบนี้เหมาะหรือไม่เหมาะเช่นไรนั้น เมื่อคิดไปว่าถ้าขาดร่างน้อยนี้ไปจะอยู่ได้ไหม จารีตประเพณีอะไรก็ดูจะไม่มีความหมายไปในทันที เขาขาดสังคมได้แต่ขาดเด็กคนนี้ต่างหาก ไม่ได้!!

สัมผัสเปียกชื้นซึมผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงนอนขายาว ทำให้ยูยะสะดุ้งจากพวัง

"เป็นอะไรไปหือ? ตัวเล็ก..."

มือหนาค่อยๆสอดเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม แล้วไล้ไปมาเป็นการปลอบประโลม แต่แทนที่คนบนตักกว้างจะพูดจา กลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้หนักเหมือนสุดจะกลั้น ยูยะยิ้มเอ็นดูลูกชายตัวเล็ก

"น้อยใจเหรอ..."

แย้มยิ้มล้อเลียนและได้รับฝ่ามือเล็กๆที่ต้นแขนเป็นรางวัล แทนที่จะได้เรื่อง แต่ใบหูแดงระเรื่อนั่นก็น่ารักเสียจนผู้เป็นพ่อถึงกับเพ้อ

"แล้วไม่รู้หรือไงว่าป๋าก็หึงก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน หัวใจมันเจ็บจังนะที่รู้จากปากใครก็ไม่รู้ว่าลูกชายเราแย่งแฟนคนอื่น"

ถึงจะพูดยิ้มๆ แต่แววตาก็แสดงให้เห็นชัดว่าเจ็บมากขนาดไหน

"ป๋าอ่ะ ป๋าอ่าาาา"

ร่างเล็กๆออดอ้อนซุกไซร้ไปทั้งน้ำตาเหมือนเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษสง แต่ใครจะรู้ดีเท่าเขาผู้เลี้ยงมากับมอว่าพอลับหลังแล้วลูกชายคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน

"ไม่ต้องมาเรียก บอกป๋ามาว่าหนูเป็นอะไร"

จูบริมฝีปากได้รูปร่างเจื้อยแจ้วนั่นอย่างแสนรัก มือใหญ่เช็ดน้ำตาที่คลอหน่วยให้อย่างอ่อนโยน

"ก็ป๋าไม่ยอมพูด" =3=

"แล้วหนูพูดกับป๋าไหมหล่ะ"

อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกรั้รๆของคนชอบคิดไปเองคนเดียวที่ทำปากจู๋ด้วยอารมณ์หมั่นเขี้ยว เจ้าตัวเล็กขยับยุกยิกครางเบาๆในลำคอ

"ก็ป๋าโกรธด้วยอ่ะ" T^T

"นี่เหรอที่ทำให้ร้องไห้"

"ก็...ก็..."

"ก็อะไร"

ปิศาจน้อยของยูยะอ้ำอึ้งอยู่นาน แต่ก็ต้องร้องตกใจเมื่อยูยะยกตัวขึ้นมาอย่างไวแล้วสวมกอดรัดจากข้างหลังแน่นไปกับอก

"ก็อะไรหือ..."

"ก็หนูไม่อยากให้ป๋ารู้นี่ว่าข้างนอกหนูร้ายกาจมากขนาดไหน ถ้าป๋ารู้ป๋าจะดุหนูใช่ไหมหล่ะ หนูไม่อยากให้ป๋าไม่รักหนู หนูไม่ชอบ"

มือหนาลูบหัวทุยเบาๆ ทำให้เจ้าตุวน้อยของเขาพลิกตัวมาประจันกันแล้วโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อและปล่อยโฮลงมาอีก

ได้แต้ทอดถอนใจช้าๆ รู้ตัวว่าหลงกลตกลงไปในหลุมรักขนาดมหึมาเข้าทั้งใจ เขานี่แหละผิดที่รักมากเกินไปจนดุไม่เคยลง ลูกชายถึงได้กลายเป็นเด็กร้ายกาจได้ขนาดนี้

"แล้วคิดว่าป๋าเป็นใครฮึ...ยูริ...เราเพิ่งจะรู้จักกันเหรอป๋าถึงจะไม่รู้ว่านิสัยหนูเป็นยังไง"









"จึงฝากลมพาพัดใจฉันมาซ่อนไว้ใต้หมอน
เมื่อเธอซบหน้าแนบนอน ได้ยินที่หมอนกระซิบบ้างไหม"

ร่างบางๆนอนกอดหมอนอิงหลับใหลอยู่บนตัวเขาซึ่งนั่งดูบอลจนจบแม็ตแล้วจึงได้รู้สึกตัวว่าเสียงแจ้วๆข้างตัวนั้นเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ยูยะยกศีรษะเล็กออกจากตักนุ่ม ทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้นห้อง มองใบหน้าเรียวสวยนั้นอย่างนึกรัก จนไม่รู้ว่าจะรักมากไปกว่านี้ได้อย่างไร

ชายหนุ่มเดินไปปิดทีวีเสีย ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบางไปส่งให้ถึงห้องนอน เจ้าตัวดีก็ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ จนอดจะหึงไม่ได้ว่าถ้าเป็นใครแตะต้องร่างน้อยตอนนี้ก็คงจะไม่ขัดขืนเช่นเดียวกัน

คงเหนื่อยกับอะไรหลายๆอย่าง

คุณพ่อลูกหนึ่งสรุปอาการของเจ้าตัวเล็กของตัวเองในใจ

ขนตายาวงอนสวยจนคนมองนึกชื่นชมกับความงามตามวัยนั้น พอมองหน้านิ่งๆแล้วมองไม่ออกเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือคนเดียวกับคนที่ยืนยิ้มเยาะให้ผู้ชายสองคนทะเลาะกันแล้วอีกคนวิ่งหนีไปจนโดนรถชน

ปิศาจร้ายในคราบเด็กหนุ่มรูปงาม

ยูยะคลุมผ้านวมให้ลูกชายเบาๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากโค้งมน ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไป











ลูกชายของยูยะลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยข้างเตียง เอื้อมกดรับทั้งที่ยังงัวเงีย

"ยูริ ทำยังไงดี ยาบุยังไม่ตื่นเลย หมอบอกว่าสมองกระทบกระเทือนหนักมาก"

ปลายสายบอกออกมารัวเร็วด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"นั่นมันเรื่องของพวกพี่ผมไม่ใช่หมอคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก"

"แต่นายเป็นต้นเหตุ"

"ผมไม่ได้ขับรถชนเขานี่พี่ฮิคารุ พี่คงลืมไปแล้วว่าแฟนพี่เป็นคนเข้ามาจีบผมเอง ผมก็แค่คนกลางที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้นแหละ อ้อ...อีกอย่างเลิกเรียกชื่อผมแบบตีสนิทนั้นเสียที สะอิดสะเอียน"

มือเล็กวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆตัวและหลับตาลงอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องดีดตัวขึ้นด้วยเป็นห่วงกลัวผู้เป็นพ่อต้องลำบากขึ้นมาตามไปทานข้าวเช้า

สงสัยป๋าเป็นคนอุ้มเขาขึ้นมานอน ยูริยิ้มเพราะคิดได้ว่าป๋าก็ยังคงเป็นห่วงเขาอยู่ ชีวิตนี้เขามีแค่ป๋าคนเดียวยูริก็ไม่ต้องการใครคนไหนอีกแล้ว ถึงแม้ป๋าจะดูอ้วนกว่าแต่ก่อนก็เถอะ แต่สามารถอุ้มเขาที่น้ำหนักเกินสี่สิบกิโลกรัมขึ้นมายังห้องนอนได้นี่ถือว่ายังแข็งแรงเตะปิ๊บดังอยู่นะเนี่ย ยังไม่แก่เลยนิป๋าเรา

แช่น้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าขอเข้าไปอ้อนป๋าสักดอกก่อนออกไปมหาลัย แต่กลับเห็นผู้เป็นพ่อนอนหลับตะแคงหน้าหล่อเข้มเข้ากับหมอนบนโซฟาสีน้ำตาลตัวเดิม

อาหารเขาหล่ะ?...ไม่มี

ป๋าหลงลืมหน้าที่ใหญ่แล้ว

ยูริเคยคิดว่าพ่อของเขาทำไมยังไม่แก่เลย ป๋าไม่เคยบอกว่าแม่คือใครป๋าไม่เคยให้ยูริดูสูติบัตร ป๋าบอกยูริแค่ว่ายูริเป็นลูกป๋า ยูริเชื่อใจป๋า เพราะป๋าของยูริใจดี เป็นคนดี แล้วป๋าก็รักยูริมากเท่าที่เด็กติดพ่อคนหนึ่งจะเรียกร้องจากพ่อเขาได้

แม้กระทั่งยามหลับป๋าก็ยังหล่อ หล่อจนหวาดระแวง ยาบุ โคตะ รุ่นพี่ที่พยายามเข้าทางยูริเพื่อให้ได้พบป๋า

ยูริเอื้อมปลายนิ้วไล้เบาๆระหว่างคิ้ว มองใบหน้าที่มีไรหนวดน้อยไนั้นอย่างชื่นชม ก้มจมูกลงไปสัมผัสแผ่วกับสันจมูกโด่งอย่างลืมตัว

ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไรอีกแล้วกับความรู้สึกที่ตัวเองมีให้กับผู้ชายที่เรียกว่า"ป๋า"

เพราะรู้ตัวมานานแล้ว



"กระซิบเบาๆ หัวใจสองเราเคล้ามั่น
ฉันเองรักเธอเหมือนกันเฝ้ารอสัมพันธ์ดังก่อน
หลับตาไม่ลงพะวงแต่เธอยามนอน คร่ำครสญให้หวนอาวรณ์
หัวใจคอยอ้อนอิงเธอ"




END ........................................







25 พฤศจิกายน 2554

[sf] ai no matador [KeixDai]


 จะบอกว่า
เรื่องนี้ไม่ลงจากเตียงเลย
จบประเด็น

เด็กๆไม่ควรอ่าน แต่ก็ตรวจบัตรประชาชนทุกคนไม่ได้อยู่ดี

ใช่วิจารณญาณเองเถอะ (เลววววว)



..........................................



ai no matador [KeixDai]






สองร่างที่สอดประสาน กลมกลืนจนแทบจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ความรู้สึกผู้กระทำและผู้ถูกกระทำนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฝ่ายหนึ่งกอดรัดร่างน้อยเพื่อดับเพลิงราคะที่กำลังโหมกระหน่ำ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ผลักไสร่างที่เหมือนปิศาจร้ายให้ออกจากตัว

คนหนึ่งระเบิดความสุขสมพร้อมกับความกำหนัดเข้าใส่อีกคนที่กำลังเจ็บร้าวไปทั่วร่าง ร่างนั้นยังคงกระแทกกระทั้นต่อไปเหมือนไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย ไม่สนแม้แต่มือเล็กที่ผลักไสและทำร้ายด้วยการข่วน หยิก หรือทุบ จริงๆคือไม่ได้ให้ความสนใจด้วยซ้ำว่าคนๆนี้จะได้รับความสุขสมหรือไม่

เพราะเป็นของเขา

และต้องอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น...


"สัมผัสมันสิ"
เคย์สั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ถอดถอนกายผงาดตรงหน้าคนสวยที่เปื้อนไปด้วยคราบคาว

"บอกให้จับไง!!!"
ร่างสูงตะคอกเสียงขุ่น เมื่อไม่ได้รับการตอบรับดีเท่าที่คาดหวัง มือเล็กสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องเคลื่อนไปตามความยาวของเจ้าหนูน้อยแผ่วๆ มือหนาตะปบลงที่ข้อมือบางจับมาวางไว้ที่ส่วนนั้นแรงๆ

"เคย์ รอก่อน ฉัน..."

เขาไม่ยอมทำตามคำปฏิเสธที่สายไปของไดกิ และสั่งย้ำน้ำเสียงแหบพร่า

"ทำเดี๋ยวนี้!!!!!"

ความรวดร้าวในดวงตาที่สื่อออกมาทำให้การต่อต้านของไดกิพังทลายเป็นผุยผง ร่างน้อยรวบสิ่งนั้นด้วยสองมือและค่อยๆก้มหน้าลงไปทักทายหยอกเย้าทั้งๆที่น้ำตายังคงนองหน้า ได้ยินเสียงครางนุ่มหู สองมือของเคย์ลูบไล้โลมเร้าไปทั่วทั้งร่าง เลื่อนลอยไปตามสีข้าง หน้าอก ก่อนจะไปกอบกุมสะโพกหนั่นเนื้อขยำตามแรงอารมณ์

ไดกิรัดแขนรอบไหล่กว้างของชายคนรักก่อนจะยกสะโพกขึ้นอย่างเต็มใจ ทำให้ส่วนเร่งเร้านั้นได้สอดใส่เข้าไปในตัวเขาเต็มที่ ฝังลึกลงไปในความอบอุ่นเชื้อเชิญอย่างชำนาญ

มันทำให้ไดกิเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่

แต่เป็นความเจ็บปวดที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อเขาเริ่มขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกายหนักแน่น

"ไม่ได้ทำกันแค่สามวัน ดูเหมือนนายยังคงทนได้อยู่นะ หรือมีใครมาปรนเปรอให้ถึงที่อีกหล่ะ"
เคย์พูดเสียงบาดหู แล้วค่อยๆเพิ่มจังหวะการรุกล้ำอย่างสม่ำเสมอ กระตุ้นเร้าให้คนใต้ร่างไปถึงจุดสุดยอด ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใกล้เข้าไปทุกขณะ จนกระทั้งแรงปรารถนาของทั้งคู่ระเบิดไอรักออกมาด้วยความกระสันซ่าน จนไดกิร่างสะท้านเยือกอีกครั้ง

และอีกครั้ง

........

เรื่องราวของคนสองคนมันอาจจะเป็นได้เพียงนิยาย

นิยายรักที่สวยหรูที่สองคนร่วมกันถักทอขึ้นมาด้วยความเข้าใจ

เคย์เป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยที่รอวันสำเร็จการศึกษา ส่วนไดกิทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผับแห่งหนึ่ง ถามว่าคนสองคนเชื่อใจกันมากแค่ไหน? เคย์กับไดกิตอบได้เลยว่า"มาก"

แต่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่มีใครคาดฝันมาก่อน ทำให้เคย์ต้องเปลี่ยนไป

ในวันรอรับใบปริญญา
เคย์รีบวิ่งเข้าไปเช็คชื่อที่มหาลัย และหวังจะรีบกลับมากล่อมไดกินอนเช่นทุกวัน
แต่ภาพที่คนรักของตัวเองร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของทาคาคิ ยูยะ ทำให้หัวใจของเคย์ชาวาบไปทั้งดวง เมื่อคิดว่าไดกิแอบพาผู้ชายคนอื่นเข้ามากกกอดกันลับหลังเขากี่ครั้งแล้ว

เคย์แทบจะฆ่าทาคาคิให้ตายลงไปตรงนั้น แต่เมื่อมันสุขสมใจแล้วหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเยาะ เขาก็ตัดสินใจแค่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ

หมดแล้วความเชื่อใจที่เคยให้กัน
หมดลงเพราะใคร

เคย์เปลี่ยนความรัก ความทะนุถนอมของตัวเองเป็นความแหนหวงอย่างรุนแรง
ไดกิได้แค่เพียงโถมตัวกอดร่างสั่นเทาของเขาไว้ในขณะที่ชายชู้เริงร่าเดินอาดๆออกไปจากคอนโด

มันจะไม่เสียดแปลบที่ใจอย่างนี้ากมายถ้าเขาจไม่รักไดกิมากเหลือเกิน เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะยอมทำอะไรก็ได้ อะไรที่ไดกิต้องการ เขายอมมันแล้ว ขอเพียงอย่าไปจากกัน...


....................

เคย์ถอดถอนกายออกจากร่างอ่อนเปลี้ย และล้มตัวลงไปนอนด้านข้าง ไม่มีการจูบ หรืออ้อมกอดที่ปลอบประโลมในการกระทำอันป่าเถื่อนของเขา

ไดกิหลบตาลงช้าๆ คับแค้นใจในชะตากรรมของตัวเอง น้ำอุ่นๆในดวงตาพาลจะไหล ผิวขาวๆมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ จากการขบกัดและบีบรัดด้วยมือ

เจ็บ จนไม่รู้จะเจ็บมากไปกว่านี้ได้อย่างไร

ความเจ็บปวดทางร่างกาย ไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่หัวใจดวงน้อยเมื่อสำนึกได้ว่า "เขาเปลี่ยนไป" จนสุดกู่

เสียงสะอื้นเบาๆทำให้เคย์ปรือตามองอย่างเกียขคร้าน ร่างกายของเขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและต้องการพักผ่อ นอย่างหนัก

"ไปอาบน้ำสิ เหม็นคาวชะมัด..."

ถ้อยคำที่ทำร้ายความรู้สึกของไดกิ ทั้งที่แต่ก่อน เคย์ไม่ใช่หรือที่จะเป็นคนรีบลุกขึ้นไปหาน้ำอุ่นมาคอยเช็ดตัวคนรักอย่างทะนุถนอม

แต่ร่างเล็กก็ได้แต่ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุม กัดฟันเดินไปชำระคราบคาวที่ไม่ถูกใจชายคนรัก เพราะถ้าหากขัดใจ เคย์ในตอนนี้กล้าทำร้ายเขาทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ คนที่จะเจ็บตัวก็คือตัวไดกิเองคนเดียว

พยุงร่างมาทรุดลงได้กับพื้นห้องน้ำ พยุงตัวขึ้นมาหน้ากระจกแล้วถามตัวเองว่า...เขาผิดเหรอ?

ในเมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นแขกของที่ร้าน และแสดงตัวอย่างชัดเจนว่ารู้จักเคย์ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้ เพราะจนตื่นขึ้นมาพบความเหนียวและคาวอย่างรุนแรงแล้ว เขาก็ไม่พบใครเลย

นึกด้วยซ้ำว่าเคย์ลืมทำความสะอาดให้อย่างเคย

ใครจะคิดว่าจนถึงตอนนี้ เคย์ยังคงเงียบไม่พูดไม่คุย ไม่หัวเราะอีกเลย
และที่แน่ชัดคือ ทัศนคติที่เคย์มีต่อเขาเริ่มเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ความเชื่อใจที่มีให้กันมาตลอดสามปี ไม่มีอีกต่อไป เขาคุยกับใครเคย์จะคิดไปเองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นชู้ของไดกิ

และสุดท้าย เคย์ก็ตัดสินใจไม่ให้เขาคุยกับใครเลย ไดกิไม่รู้ว่าคนรักไปลาออกจากงานให้เขาได้เช่นไร เพราะเขาก็เพียรพยายามจะลาออกแต่เจ้าของร้านก็ยื้อไว้ตลอด แต่การที่เคย์เป็นแบบนี้เจ้าของร้านคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะยังรั้งตัวเขาให้อยู่ทำงานด้วยอีก

บางวันเคย์กลัวไดกิหนีถึงกับจับขังไว้ในห้องน้ำ ใส่กุญแจมือล็อคไว้กับหัวเตียง ถ้าวันไหนไดกิทำตัวให้เคย์ไม่พอใจในความรู้สึกของเคย์ เขาจะโดนมัดทิ้งไว้ทั้งๆที่เปลือยและมีไวท์เบรเตอร์ทำงานสั่นกระตุ้นให้ทรมานตลอดทั้งวัน

เพราะเคย์ตัดสินใจจะเชื่อแล้วว่า "ไดกิมันร่าน..."

....................................................

วันนี้เคย์ไม่ได้กลับบ้านคนเดียว ข้างหลังของเขาคือชายหนุ่มร่างกำยำสองคน ที่พอเปิดประตูห้องนอนของคอนโดหรูของเคย์เข้ามาต่างก็มีแววตาระยิบระยับ เมื่อเห็นร่างเปลือยของไดกิที่หลับใหลคราบน้ำตาเปื้อนหน้าทั้งๆที่มือโดนกางไปผูกเข้ากับกุญแจมือคนละฟากของหัวเตียง

"เอาจริงเหรอเคย์..."

หนึ่งหนุ่มยังคงใจอ่อนเล็กน้อย เมื่อความสงสารมันจุกขึ้นมาบนลำคอเพราะร่างน้อยที่นอนอย่างน่าเวทนาอยู่บนเตียงนี้มีขนาดและรูปร่างคล้ายคลึงกับคนรักของเขาอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าอดสะเทือนใจแทนเคย์ไม่ได้

"แกจะไม่ทำก็ได้นะยูโตะ"

อีกหนุ่มพูดเสียงนุ่ม แต่สายตาปรายไปยังร่างนวลน่าลิ้มลองอย่างหื่นกระหาย

ทั้งนี้ทั้งนั้น...เจ้าของบ้านก็ไปนั่งจุมปุกอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปิดทางให้อย่างสบายๆว่างั้นเถอะ

หึ...

เคย์จะหาผู้ชายมาปรนเปรอแฟนตัวเองสินะ ดูก็รู้ว่าสายตาแหนหวงที่ปรายมาอย่างไม่ได้ตั้งใจตอนพวกเขาจ้องมองคนบนเตียงนั้น ว่ารักมากแค่ไหน

รัก...แต่ไม่เชื่อใจ


เคย์ปล่อยให้สองหนุ่มก้าวเข้าไปปลุกเร้าอารมณ์ร่างที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาเฉยชา ในเมื่อไดกิชอบผู้ชาย เขาก็จะหาผู้ชายมาปรนเปรอให้ถึงใจ ไม่ต้องไปหลบๆซ่อนๆเหมือนวันนั้นอีก

ทำยังไงก็ได้เพื่อจะผูกมัดให้เป็นของเขาตลอดกาล

"เคย์ เคย์ไปไหน..พวกคุณเป็นใครปล่อยผมนะ"

การร้องอ้อนวอนเสียงแหบพร่านั้น เคย์เห็นว่าเป็นแค่การร้องขัดขืนเพื่อเร้าอารมณ์คู่นอนที่ไดกิมารยาเท่านั้น

"จะดิ้นทำไมหล่ะไดจัง ยูโตะเอายามา..."

ทั้งสองหนุ่มบังจับจ่อของสิ่งหนึ่งให้ไดกิสูดเข้าไปเต็มๆปอด
"อย่าาาาาาาา...ปล่อยผมเถอะ ขอร้อง"

อารมณ์ใคร่ที่พุ่งขึ้นสูงขณะสูดดมสารกระตุ้น ทำให้ไดกิเกิดอาการผวา เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับเขาสองครั้งสองคราในเวลาเพียงหนึ่งปีเชียวเหรอ น้ำตามันไหลจากภาพหลอนจากประสบการณ์ที่เคยเจอมันเกาะกุมจิตใจ

"อย่า...ไม่เอา เคย์ เคย์..."
ร่างน้อยฟูมฟายทั้งน้ำตา เมื่อสองหนุ่มเริ่มไล้ลูบไปทั้งร่าง บีบเคล้นหนักมือ สัมผัสน่ารังเกียจในความรู้สึกของคนรับ

ทั้งสองคนช่วยกันจับขาเรียวแยกออกจากกัน เผยช่องทางรักให้อีกหนุ่มจ้วงความเป็นชายเข้าไปทำลายโดยไม่เตรียมพร้อมอย่างหยาบคาย

"อ๊าซ์...เจ็บ อย่าทำผม เคย์ช่วยด้วย..."
ยังคงดิ้นไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมง่ายๆ ยูโตะจับแก้มนวลที่พร่าไปด้วยน้ำตาบีบกระชับ บังคับให้หันไปมองคนบงการอย่างกระแมกกระทั้น

"นั่นไงเคย์"

คนที่คร่ำครวญหา นั่งอ่านหนังสือไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ใกล้ๆ นี่ใช่มั๊ยคนที่อยากให้เขามาช่วย

แค่นั้นแหละร่างงามถึงได้สงบ

ปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นผลัดกันกระแทกกระทั้นไปตามสบาย

ในเมื่อเคย์ยกให้ใคร แล้วไดกิจะขัดคำสั่งให้เจ็บตัวอีกทำไม เพราะมันเป็นความต้องการของเคย์


...........................................

"แกโชคดีมากนะยาบุ ได้ชิมรสเมียไอ้เคย์เป็นคนสุดท้าย"

ทาคาคิ ยูยะ ยิ้มสมใจ หันไปสบตาร้ายๆของร่างน้อยข้างๆตัว

คราวนี้เขาเป็นเพียงแค่คนเปิดเกมส์ ใส่ยาปลุกเซ็กซ์ให้เมียไอ้เคย์มันกินแล้วก็ทำให้มันเห็นเท่านั้น ไม่นึกว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายเพราะความบ้าของเจ้าอดีตเพื่อนทรยศคนนั้นเอง ใครจะนึกว่าเวลามันรักใครสักคนอย่างจริงใจแล้วมันจะหวงจนกลายมาเป็นแบบนี้

แล้วเวลาทำกับของคนอื่นกลับไม่คิดจะสำนึก...


"เป็นไงหล่ะ? หวานเหมือนที่ยูยะเพ้อให้ผมฟังหรือเปล่ายาบุจัง" คนสวยยิ้มหวานถามต่อด้วยสีหน้าเลือดเย็น และได้จับจูบหวานฉ่ำจากคนที่อยู่ข้างกายตลอดเวลาเป็นการปิดปาก

"ติดใจไม่รู้ลืม ฮ่าๆๆๆๆๆ"


ทั้งสี่คนต่างก็ยิ้มร้ายไม่แพ้กัน ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำที่คนตัวหนาหันมากระซิบกับคนของตัวเองข้างกายเสียงนุ่ม

"พอใจแล้วใช่มั๊ยยูริ..."




..........................

เคย์...

ผมรักคุณจริงๆนะ

ที่ผ่านมาผมรู้ว่าทำให้คุณระแวงทุกอย่างในตัวผม แต่ถึงผมจะผ่านใครมา ใครจะทำร้ายผมยังไง ผมก็รักคุณคนเดียวเสมอ คิดเสียว่าเราทำบุญกันมาแค่นี้ ถ้าคุณอยู่ข้างๆผม ตรงนี้ รู้ไว้เถอะว่าผมยังรักคุณเหมือนเดิม เชื่อใจคุณเสมอ ถ้าโลกมันโหดร้ายนัก เราจะจะไปอยู่ในที่ๆมีแต่เราสองคน ที่ๆจะมีแค่เรา ไม่มีใคร...







เคย์ อิโนะ - ไดกิ อาริโอกะ
เสียชีวิตด้วยยานอนหลับ
...
..
.
.

END






17 พฤศจิกายน 2554

my ART << โดจินดีกว่ามั๊ยมึง?

สรุปคือวาดรูปอาร์ตๆ
กำ เค้าเรียกอาร์ตได้ป่ะวะ
มันเหมือนการ์ตูนบ้าบออ่ะ แต่วาดด้วยใจนะขอบอก(เหรอ?)






อันนี้วาดตอนข่าวออกมาครั้งแรก
เสียใจเป็นที่สุด
คือ เวบจอห์นนี่เอารูปน้องริวออกจากเมมเบอร์จั๊มพ์
เหตุผลคืออะไร? ไม่ต้องรอแล้วงั้นเหรอ??
ไม่สนอ่ะ ตกอยู่ในความเงียบสักพักแล้วลุกขึ้นมาต่อ
ใครจะว่ายังไงก็ช่าง กูจะรอน้องกู รอวันที่จั๊มพ์จะมีสิบคนเหมือนเดิม
น้องริวร้องไห้.......










ไอ้น้องปอบอกว่า..."ถีบบุฮิคตกถ้วยชา" กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
อะไรจะโลกส่วนตัวกันขนาดนั้นวะ
ส่วนอิเม่นนี่บังอาจที่สุด ถีบเด็กดักแด้กลิ้งไปมาแบบน่าตบหนามหักมาก กร้ากกกก


ชอบชี่น้อยกับอิป๋า แย่งส้อมกัน กรั๊กๆ










ป๋ามัไม่ได้สนใจลูกคะ ปิ้งปลาอย่างเดียว
ส่วนน้องริวเธอก็นอนอย่างเกรียน
ไดจี้นี่เก็บเห็ดมาให้ชาย แต่สามีกลับนั่งอ่านการ์ตูนโป๊อยู่ไม่สนใจ
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

















อิบุเลวมาก

















 


อันนี้ภาพแรกๆเลยที่วาด
ชี่น้อยอย่างนักเลงกร้ากกกกกกกกกกกก มันเตะตูดป๋าอ่ะ ฮาเอง

แต่น้องริวมีคนบอกว่าแม้แต่นอนในอ่างราเมงมันยังดูเกรียน โฮ่
ลูกชั้นเกรียนได้อีกวะ ฮิคนี่แพลงกิ้งไม่สนใจเพื่อน กร้ากกกกกกกกกกกก













.........................


โอ๊ยยยยย ฮาาาาาา
ความจริงแล้วเอนทรี่นี้มันไม่มีอะไรเลย
แค่เอารูปที่วาดๆไว้มาอวดเท่านั้นแหละ
แต่มันฮาตรงชั้นวาดไปได้ยังไงวะเยอะแยะขนาดนี้ ฮ่าาาา
ทั้งหมดนี่วาดอยู่สองวัน อัจฉริยะมาก









5 พฤศจิกายน 2554

5/11/11 Happy Birthday พี่คิของน้อง



お誕生日おめでとう田中聖
愛してる!!! ♥


มิเคยรู้มิเคยมั่นว่าฉันรัก
คอยหาญหักผลักไสให้ไกลห่าง
 
ไม่รับรู้ปริศนาจากท่าทาง
ฉันที่วางดวงใจให้เธอครอง
แอบข่มซ่อนความอายไม่ไหวหวั่น
รอเพียงวันสุภาพบุรุษสุดจองหอง
ลดสายตาหยิ่งทะนงลงมามอง
ตัวสำรองที่เธอเห็น"เป็นแค่ไทย"



รอพี่คิกับเพื่อนๆอยู่นะ


คิจินจงเจริญ








ขอให้พี่คิของเจน
มีความสุขกับความหล่อตลอดไป

ซ๊าาาา ธุ


1 พฤศจิกายน 2554

[sf] - He's mine! ผู้ชายคนนี้.....ของผม!

He's mine!
ผู้ชายคนนี้.....ของผม!


Writer - taka-jane
Pairing - OkamotoKeito x Okamoto Keito
Rate 3 - เด็กน้อยใสซื่อ



......................

โมริโมโตะ ริวทาโร่ เป็นเด็กหนุ่มร่างผอม ดวงตากลมโตนั้นแฝงไปด้วยความเศร้า

ร่างเล็กยืนนิ่ง อยู่ตรงหน้าคือแปลงกุหลาบสีขาวบานสะพรั่ง ที่เป็นความทรงจำของคนๆนั้น

ระหว่างที่สายลมรอบๆตัวเริ่มตีกันไปทั่วจนเริ่มหนาวตามภูมิอากาศของที่สูง ร่างเล็กก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่จะโอบเสื้อคลุมให้ห่อเข้ากับตัว ความอบอุ่นสำหรับเด็กคนนี้หมดไปแล้ว ตั้งแต่ไม่มีผู้ชายคนนั้น

....

"มีอะไรกัน"
ผมร้องถามออกไป เมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวร้องขอความช่วยเหลือ

"ใครหน่ะ"
ผมถามออกไปอีกครั้ง
ใครคนนั้นยังคงตะโกน อย่า อย่า

ผมเลยตัดสินใจคว้าคฑาปราบวิญญาณที่วางพิงกรอบหน้าต่างมาถือไว้แน่น แล้วรีบวื่งออกจากบ้านหลังเล็กของตัวเองตามเสียงที่ได้ยิน ผมเห็นว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ กำลังล้มอยู่ตรงแปลงกุหลาบขาวที่ผมกับแม่ช่วยกันปลูกไว้เมื่อนานมาแล้ว

ร่างนั้นเหมือนคนบ้าที่ทะเลาะกับตัวเองมากกว่าจะโดนใครทำร้าย เพราะมือหนาของชายปริศนาข้างขวาบีบไปที่ลำคอขาวของเขาเองโดยมีมือข้างซ้ายหยิกข่วนห้ามปราม

"เคย์อย่า..."
"ไม่...ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ"
"ผมไม่ตายแล้ว เคย์ปล่อยเถอะ"
"ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอนายหล่ะ ถ้านายคิดจะทิ้งฉันไปอีกฉันจะทำยังไง"

ผมเคยพบเจอคนอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่โดนวิญญาณสิงสถิตย์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของปิศาจร้าย แต่คนๆนี้แปลกมาก เขาไม่มีพลังวิญญาณเลยเท่าที่ผมสัมผัสได้

ผมเลยตัดสินใจร่ายเวทย์ปราบวิญญาณของตัวเอง คนๆนั้นตกใจหันมาเห็นผม และสลบลงไปอย่างง่ายดาย
เอาน่า อย่างน้อยผมก็หยุดเขาได้


..........

จากการใช้พลังของผมจนผู้ชายคนนั้นตกใจสลบไป
สามชั่วโมงต่อมา เขาก็ตื่นขึ้นมาทานข้าวต้มฝีมือผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาบอกผมว่าเขาชื่อเคย์โตะ และอีกคนที่อยู่ในตัวเขาก็ชื่อเคย์โตะ แต่พวกเขาจะเรียกอีกคนว่าเคย์ สรุปว่าพวกเขาเป็นโรคจิตชนิดซับซ้อนหลายบุคลิค โดยบุคลิคจริงก็คือเคย์โตะที่อยู่ตรงหน้าผม ที่ออกจะสุภาพและใจดี
ส่วนบุคลิคซ้อนของเขานั้น มีลักษณะที่ออกจะห้าวๆและไม่เกรงกลัวใคร ทั้งสองบุคลิคเป็นคนรักกัน

"คุณกลัว?"
ผมถามอย่างห่วงใย เขาไม่ยอมบอกผมว่าเคย์พยายามบีบคอเขาทั้งคู่เพราะอะไร

"แน่นอน ผมกลัว"
เขาบอกพร้อมกับมองผมสงบนิ่ง
"ผมกับเคย์หน่ะ มีกันและกันมาตลอดชีวิต คุณก็รู้ว่ามันแปลกสำหรับคนธรรมดามากแค่ไหนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะไม่ยอมแต่งงานเสียที "

เขาล้วงกริชเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าที่เก็บไว้กับตัวตลอดเวลา
"ผมหน่ะบอกใครไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าผมหลงรักตัวเอง"
เขาเล่าเรื่อยๆ
"แม่ผมอยากให้แต่งงานกับผู้หญิงสาวในหมู่บ้าน คุณรู้มั๊ยว่าเคย์พยายามข่มขืนผม"

เขาทำให้ผมตกใจที่จะมีอะไรบ้าบอได้เท่านี้ เจ้าบุคลิคซ้อนนั่นมันจะข่มขืนบุคลิคจริงได้ยังไง ไม่อยากจะนึกภาพ

"เคย์โตะ"
ผมเอื้อมมือไปแตะไหล่ที่ลู่ลงพร้อมเสียงสะอื้น ผมไม่ชอบเห็นผู้ชายร้องไห้นักหรอก แต่เคย์โตะกลบตวัดสายตาดุๆมาที่ผมหมือนไม่ใช่คนเดิม

"นายอย่ามายุ่มเรื่องของเรา"
"คุณ...เคย์??"
"ไม่ว่านายจะคิดอะไรอยู่ ขอบอกไว้เลยว่าฉันไม่ยอมยกเคย์โตะให้ใคร"
"ผมไม่ได้คิดอะไร"
แต่เขาก็จ้องผมเขม็งอย่างไม่ไว้ใจเสียแล้ว ร่างนั้นพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำได้

"เราจะกลับบ้าน"
"คุณพักที่นี่ก่อนเถอะ ผมรับรองว่าผมจะไม่แตะต้องเคย์โตะเด็ดขาด"
ผมร้องขอ อย่างน้อยเขาก็น่าจะห่วงร่างของคนรักตัวเองบ้าง การออกเดินทางในขณะที่อ่อนกำลังแแบนี้ รังแต่จะทำให้เป็นอันตราย

"คุณเคย์ ผมอาจจะเป็นแค่ผู้ปราบวิญญาณที่อ่อนหัด แต่ในฐานะผู้ชายคนนึง ผมไม่แย่งแฟนใครหรอกนะครับ"

...

การใช้ชีวิตกับหนึ่งคนสองบุคลิคมานานในระยะหนึ่ง ทำให้ผมรู้ว่าถึงแม้เคย์โตะจะเป็นบุคลิคจริง แต่เขาก็อ่อนแอจนน่าใจหาย เคย์โตะไม่ทนต่ออากาศที่ไม่ใช่อุณหภูมิของร่างกาย ไม่ว่าจะหนาวไปหรือร้อนไป ทำให้เคย์กับผมต้องเป็นห่วงอยู่เสมอๆ


วันๆผมเหมือนอยู่กับคนบ้าที่ไม่นอนพูดกับตัวเองก็นั่งคุยกับกระจก

ผมจำได้ว่าหน้าผมแดงก่ำขึ้นมาทันที ที่บังเอิญเห็นเคย์โตะกำลังโน้มตัวลงไปจูบกระจกบานใหญ่ตรงหน้าอย่างทะนุถนอม

"อ่ะ ...เอ่อ..."

เขาหันหน้าออกจากกระจกมาจ้องมองผมอย่างไม่พอใจ แต่แค่แว๊บเดียวเขาก็กลายเป็นเคย์โตะที่ยิ้มอย่างอ่อนแรงมาที่ผม

"ขอโทษนะริวจัง ถ้าผมทำให้นายลำบากใจ"

ผมโบกมือพัลวัล นอกจากอาการผีเข้าผีออกของเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมลำบากใจหน่ะก็แค่การชอบส่องกระจกมอหน้าตัวเองทุกครั้งที่มีโอกาสของเขาเท่านั้นแหละ เรื่องที่ทั้งสองบุคลิคเป็นแฟนกันหน่ะจริงๆผมรับได้(จริงๆนะ)

"คุณเคย์ไปนอนแล้วเหรอ?"

"เคย์ใช้พลังมากเกินไป เขาปรากฏตัวบ่อยจนบุคลิคอ่อนแอมากกว่าผมซะอีก"
ดูท่าทางเคย์โตะจะไม่สบายใจเรื่องของอีกบุคลิคนึงของเขาอยู่มาก

"เขาไม่ยอมนอน เขากลัวว่าริวจังจะ เอ่อ..."
เคย์โตะหน้าแดง ทำให้ผมพลอยหน้าแดงไปด้วย ไอ้เจ้าบุคลิคซ้อนนั่นระแวงว่าผมจะหลงรักเคย์โตะสินะ

"คุณมีความสุขดีใช่มั๊ยเคย์โตะ"
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจถามเขา คนโรคจิตที่รู้ตัวว่าโรคจิต แถมยังหลงรักตัวเองอีกแบบนี้ ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละว่าเขาทนอยู่โดยไม่สุงสิงกับใครได้ยังไง

"อือ...มันตอบยากนะริวจัง ผมหน่ะรักเคย์นะ แต่ความรักของผมอาจจะเหมือนคนปกติทั่วไปที่รักตัวเองและเห็นแก่ตัวละมั้ง ส่วนเคย์หน่ะเขาต้องการมีชีวิตร่วมกับผม อย่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิ ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองทุกข์อะไรนะกับความต้องการของเคย์  ถ้าต้องให้บอกตอนนี้ก็คือ...ผมกับเขาเรายอมรับการมีอยู่ของกันและกันได้นั่นแหละ ที่ผมจะฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้ก็แค่ต้องการประชด เรียกร้องความสนใจจากเคย์เท่านั้นแหละ...ริวจังรู้อะไรมั๊ยว่าก่อนหน้าที่ผมจะพยายามฆ่าตัวตาย เคย์หน่ะจะปรากฏตัวออกมาเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ ฮ่ะๆ"

ผมได้แต่ฟังคนตรงหน้าบอกอย่างไม่เข้าใจ
นั่นสิ ผมไม่เข้าใจหรอก เพราะผมเป็นคนปกติเกินไป

"ผมขอโทษนะริวจัง ที่ทำให้เดือดร้อน ผมกับเขาไม่รบกวนริวจังนานหรอก เราแตกต่างจนอยู่ร่วมกับใครไม่ได้แล้วแหละ"

ตอนที่เขาบอกผมแบบนั้น ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่พอรุ่งเช้าของวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาไม่เจอเขาแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามันเหงา เหงากว่าก่อนที่จะเจอเขาเสียอีก

ผมหน่ะไม่ได้รักเขาหรอก

แต่ผมคิดถึงร่างใหญ่ๆนั่น ทั้งเคย์ทั้งเคย์โตะ เขามาอยู่บ้านผมแล้วดูเหมือนมันมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น


พ่อหนุ่มหัวเม่นที่หลงรักตัวเอง


....

END















[PoemFic] - นิทานอคาเมะ

ยเหตุเกิดจากไปนั่งเล่นท่ฟูจิ

แล้วได้มาหนึ่ง เอ๊ย ครึ่งเรื่อง


เป็นกลอนแสนจะป่วง














นิทานอคาเมะ





กาลครั้งหนึ่ง
จะกล่าวถึงท่านจินผู้สิ้นหวัง
เมื่ออกหักจากโคโยตี้ที่โด่งดัง
ชีวิตพังปรารถนาฆ่าตัวตาย

เดินซมซานหาที่ตายมาหลายปี
แทบไม่มีคนหล่อแมนแสนใจหาย
ต้องรอนแรมตามทางเปลี่ยวอย่างเดียวดาย
กูอยากตายใครผ่านมา"ฆ่ากูที"

เมื่อท่านจินคร่ำครวญได้ไม่นาน
กลับปรากฎร่างนงคราญขึ้นเสียนี่
นางนั้นงามหยาดฟ้ายิ่งกว่ามณี
ร่ายวจีระรื่นหูอย่างน่าฟัง

"ไอ้หมูอ้วนถ้าอยากตายไปไกลไกล
ในพงไพแห่งกูอย่าได้หวัง
หอบเอาร่างเน่าเน่าไปได้ยัง
กูโคตรชังนิสัยเชี่ยเหี้ยอย่างมึง"

ท่านจินเคลิ้มทำตาลอยไปแสนไกล
ซึมซาบรสหวานแสบไส้ไว้อย่างซึ้ง
ลืมโคโยตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่คำนึง
พร่ำรำพึงถึงแต่นางไม่สร่างซา

เมื่อนั้น
คาซึยะน้องน้อยอนาถา
เที่ยวหนีฝูงนางกำนัลกัลยา
เร่ร่อนมาหวังแอร์เมสที่แสนงาม

เดินลัดเลาะริมลำธารนานเป็นชาติ
มาพลั้งพลาดพบร่างใหญ่ไม่เกรงขาม
โคตรหมั่นไส้แค่โคโยตี้ไม่มีนาม
ก็ลืมความคิดจะดิ้นสิ้นชีวั

แม่จะด่าให้หายโศกเลยไอ้ชั่
คิดชั่วชั่วได้เยี่ยงไรไคร่อาสัญ
ชีวิตใครก็มีค่าเท่าเท่ากัน
ไม่รักมันแล้วหวังให้ใครรักมึง

เมื่อนั้น
ท่านจินยอดชายให้เครียดขึง
โถน้องจ๋าอย่าได้โกรธกูเลยมึง
ใจเย็นเย็นอย่าหน้าตึงเดี๋ยวไม่งาม

อันว่าพี่เคยอยากตายใช่อดีต
เพราะชีวิตโดนหยามรักมาหักห้าม
ใจดวงน้อยจึงแกว่งไปหลายชั่วยาม
ที่น้องห้ามพี่เชื่อแล้วนะแก้วตา


ทีบีซี......(กร้ากกกกกก)





13 ตุลาคม 2554

[SF] kimi+boku=LOVE (2/2) END





.........................................................................................









[SF] kimi+boku=LOVE (2/2) 



[SF] kimi+boku=LOVE (2/2)

เมื่อความเย็นกระทบผิว ทำให้ผมต้องหาไออุ่นจากสิ่งที่อยู่ข้างกาย เจ้าของไออุ่นนั้นกอดกระชับร่างผมเข้าหาตัวทันที

"อืมมมม"
ผมครางด้วยความเจ็บขัดเนื้อขัดตัวไปหมด อยากซุกซบไออุ่นนี้โดยไม่รับรู้อะไรนอกเหนือจากนั้นอีก เพราะตอนนี้ผมรับรู้ว่าทั้งร่างกายนั้นเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกแปลบๆตรงบั้นท้ายและความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคย สำนึกในเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมต้องเลิกเปลือกตาขึ้นกระพริบช้าๆ

การขยับตัวของผมทำให้เจ้าของแขนแข็งแรงรัดผมเข้าหาตัวมากขึ้นอีก มือหนาลูบไล้สัมผัสแผ่นหลังเปลือยของผมราวกับจะกล่อมให้หลับไหลลงไปอีกครั้ง

วงแขนนั้นแหละที่ทำให้สติของผมกลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

ราวกับถูกน้ำเย็นสาดหน้า ผมถูกขี้ยาลากเข้าไปในห้องน้ำพยายามข่มขืน!!!

สัมผัสลมหายใจที่รินรดอยู่เหนือศีรษะทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากรับรู้เลยจริงๆ แต่ภาพที่ผมเห็นกลับเป็นไอ้อ้วนของผมที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ เหมือนพึงพอใจ

ด้วยสัมผัสทำให้ผมรู้ว่า มันไม่ได้ใส่อะไรเลยเหมือนกันกับผม ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเลยระหว่างเราสองคน  สมองประมวลผลรวดเร็วราวกับคอมพิวเตอร์

ความทรงจำที่ฉายชัด ไม่มีฉากไหนตอนไหนเลยที่บอกว่าผมโดนไอ้สองตัวนั่นสอดไส้กรอกเยอรมันเข้าไปในรูตูด!!! ความรู้สึกลึกๆตะโกนก้องร้องออกมาว่าผมโดนข่มขืนหลังจากนั้นแน่นอน

จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมพยายามกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ถ้าข้อสันนิษฐานของผมไม่พร่าเลือนหรือผิดเพี้ยน ไอ้คนที่นอนข้างกันนี่แหละเป็นคนทำให้ผมต้องมีสภาพแบบนี้ แต่ผมคงจะสะอื้นหนักเกินไปไอ้อ้วนเจ้าของอ้อมกอดเลยขยับตัวก่อนที่เปลือกตาหนาจะลืมเปิดขึ้น

"ยูริ..."
"ทำไม... ทำไมมึงทำแบบนี้"
ผมคงถามคำถามยากเกินไป ร่างหนาถึงได้กระตุกตัวขึ้นนั่ง ผมรีบรวบผ้าห่มที่ตกลงมาแถวเอวขึ้นมาคลุมตัวเองที่สั่นสะท้านอย่างหนัก พยายามถอยห่างจากผู้ชายตรงหน้านี้ให้มากที่สุด จนแผ่นหลังสัมผัสกับหัวเตียง

"พี่...ยูริพี่ขอโทษ เมื่อคืนพี่..."
เหมือนมันจะพยายามเรียกผมด้วยสรรพนามที่ไม่คุ้นเคย

"มึงทำแบบนี้ทำไม มึงสะใจนักใช้มั้ยที่เอาชนะกูได้ เก็บคำว่าขอโทษของมึงไปบอกกับลูซิเฟอร์ในนรกเถอะเหี้ย"
ผมคร่ำครวญเหมือนคนขาดสติ

เมื่อวานเหตุการณ์นั้นยิ่งฝังตรึงอยู่ในใจ ภาพที่ตัวเองออกมายืนรอมันที่หน้าหอประชุมแล้วโดนลากเข้ามารุมในห้องน้ำ
มันช่วยผมออกมา ผมรู้
มันเป็นห่วงผม ผมก็รู้
ถึงมันจะปากหมาแต่มันก็ยังดูแลผม ทำไมผมจะไม่รู้

"นายกำลังจะโทษว่าพี่ข่มขืนนายใช่มั๊ย"
มันมองหน้าผมนิ่งก่อนจะถามกลับ

สัด!!! ไม่ให้กูโทษมึงแล้วจะให้กูคิดว่าตอนกูหลับโดนไม้ทิ่มตูดหรือไง!!

"ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วจะให้เรียกว่าอะไร กูข่มขืนมึงเหรอ สลัดเอ๊ย"
ผมระเบิดอารมณ์ใส่มันอย่างห้ามไม่อยู่ กำผ้าห่มในมือแน่น ผมไม่สนใจแล้วว่าในตอนนี้น้ำตาผมมันจะไหลออกมามากจนเป็นสายเลือดหรือเปล่า แต่ผมส่งความโกรธ เกลียด และกล่าวโทษไปที่มันเต็มๆ

แล้วมันก็ถามผมกลับเสียงเย็น ต่างกับตอนพยายามอธิบายให้ผมฟังในครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
"แล้วรู้เหรอว่าไม่ได้โดนไอ้สองตัวนั่นมันทำก่อนที่กูจะเข้าไปช่วย"

"สารเลว!! สมองปลวกอย่างมึงก็คิดได้แต่จะปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นสินะ กูรู้ว่ากูเป็นผู้ชาย โดนทิ่มเข้าไปก็มีลูกออกมาประจานความชั่วของมึงไม่ได้หรอก แต่กูต้องการความจริง มึงเข้าใจมั๊ยว่ากูอยากได้ความจริง ว่าใครมันทำกู"

"ใครทำแล้วต่างกันตรงไหน มึงเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ไม่ใช่เหรอเตี้ย หรือมึงเสียใจที่ครั้งแรกของมึงเป็นกูแทนที่จะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของมึงคนนั้น"
มันกล่าวน้ำเสียงเย้ยหยัน นี่สินะ...ไอ้อ้วนปากหมามันกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับความคิดอุบาทว์ในสมองมัน

"เออ ใช่ของมึง ถ้าครั้งแรกของกู ไหนๆก็จะมีผัวเป็นผู้ชายอยู่แล้วกูอยากมีผัวชื่อเคย์โตะดีกว่ามีผัวอ้วนดำอย่างมึง"

"แต่ตอนนี้มึงเป็นเมียกูไง"
มันตวาดผมกลับ กระชากร่างที่ยังเจ็บแปลบๆของผมเข้าไปเขย่าอย่างแรง
"ถึงกูกับมึงจะไม่ได้รักกัน แต่กูจะบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้แน่นอน"

ผมได้แต่เบิกตากว้างมองมันผ่านม่านน้ำตา สิ่งที่มันพูดยังก้องอยู่ในหูและใจ หน้าของมันอยู่ใกล้กับหน้าผมมากจนมองเห็นความน้อยใจและเจ็บใจในนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง

...

ปัง!!!
เสียงประตูถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากชีทที่เพื่อนส่งมาให้ทางเมล์ที่เพิ่งเริ่มอ่านไปได้เล็กน้อย

คนที่เปิดประตูเข้ามาคือพี่เคย์โตะบอดี้การ์ดส่วนตัวที่คุณพ่อมอบหมายงานตำแหน่งผู้บริหารแทนท่าน ผมขยับจะเอ่ยปากเรียกผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา แต่ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูด

พี่เคย์โตะก้าวยาวๆไปกระชากร่างหนาของไอ้อ้วนที่คุยสไกป์กับพี่เคย์หมอประจำตระกูลอยู่ หมัดหนักๆกระทบเข้ากับใบหน้าที่ไม่ได้ตั้งตัวเข้าเต็มแรง เลือดที่ย้อยซึมที่มุมปากนั้นบอกผมได้ดีว่าหมัดของพี่ชายนั้นแรงมากแค่ไหน

"พี่...อย่า!!"
ผมกัดฟันร้องห้ามพี่เคย์โตะออกไป ขยับตัวจะยกโน๊ตบุ๊คเครื่องน้อยออกจากตัก แต่พี่เคย์โตะก็ถลันเข้ามาถึงตัวผมแล้วโดยเร็ว

คนที่โดนชกมองมาที่เราทั้งคู่ด้วยสายตาที่แทบอยากจะฆ่าให้ตาย  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หันไปคุยสไกป์กับพี่เคย์ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

"กลับบ้านเรากัน"
พี่ชายที่แสนจะพูดน้อย(และต่อยหนัก)ของผมบอก ร่างหนามีมัดกล้ามรั้งพยุงตัวผมขึ้นจากเตียงกว้าง
เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะเจ้าของบ้านเขาไม่ได้คัดค้านอะไร และผมก็เต็มใจเดินออกมากับพี่เอง มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ยังคงแฝงแววน้อยใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นไว้อยู่


...

พี่เคย์โตะพาผมออกมาจากบ้านหลังใหญ่ กลับมาที่บ้านซึ่งหลังใหญ่ไม่แพ้กันหลังข้างๆ ขบวนบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังจนผมหงุดหงิด

"คุณพ่อโทรมาบอกพี่ว่าฝ่ายโน้นโทรไปหาท่านเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องที่มหาลัยและเรื่องคืนนั้นแล้ว พี่ขอโทษครับที่ต้องให้คนจับตาดูน้องตลอดเวลาเพิ่มขึ้น"
พี่พูดเสียงเข้มเน้นคำ พร้อมกัดกรามจนขึ้นสันนูน ผมหลบตาวาววับของพี่ที่ก้มลงมองค้นหา เรื่องสองคนที่ดักฉุดผมไม่อยากรับรู้อะไรจริงๆ เพราะพอจะทราบได้จากสีหน้ายาบุเพื่อนสนิทของไอ้อ้วนที่แวะเวียนเข้ามาหาถึงบ้าน การทำให้ใครหายไปสักคนสำหรับยาบุแล้วมันง่ายยิ่งกว่ายืนขาเดียวเหนี่ยวกินลมเสียอีก

"น้องขอโทษครับ ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว"

"คราวหลังห้ามไล่การ์ดไปไหนไกลๆอีกนะครับ ตอนคุณพ่อโทรมาบอกเรื่องนี้กับพี่ พี่แทบบ้า รู้มั๊ย"
พี่เคย์โตะคลายอ้อมแขนเมื่อพาผมเข้ามาถึงห้องโดยหันไปกำชับผู้คุ้มกันฝูงใหญ่ให้วางกำลังอยู่นอกห้อง

ผมอึดอัด ไม่อยากให้ใครมาล้อมหน้าล้อมหลัง

"ทนหน่อยนะครับ น้องก็รู้ว่าที่ผ่านมาที่น้องไม่โดนคุมเข้มเพราะน้องไปไหนมาไหนกับทางโน้นเป็นปกติ แต่ในเมื่อตอนนี้ทางโน้นปล่อยปละละเลยน้องจนต้องเกิดเรื่องขึ้น แล้วตัวมันก็ก่อเรื่องกับน้องมาเอง คงต้องให้เวลาคุณพ่อคุณแม่คุยกันสักพักนั่นแหละ ทนอึดอัดหน่อยนะ"
พี่เอามือมาลูบหัวและทำท่าจะผละออกไปหยิบอะไรจากด้านหลัง แต่ผมที่ใจหายผวากอดเอวพี่ไว้เสียเอง

"น้องขอโทษ ขอโทษๆๆ ขอโทษครับ"

"ถ้าน้องโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้ทำอะไรไปพี่จะจัดการอะไรมากกว่านี้อีก"
พี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่มองหน้าผม พี่คงรู้ชะตากรรมของคนที่ทำร้ายผมสองคนนั้นแล้ว ไอ้อ้วนนั้นถ้ามันเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนไอ้สองตัวนั่นก็คงจะโดนเหมือนกันจากพี่

"น้องรู้ตัวมั๊ยว่าโดนป้ายยา?"
นั่งยองๆลงตรงข้างเตียงอ้าแขนรับอ้อมแขนผมอีกครั้ง ความจริงตอนที่ตื่นขึ้นมาเจอกับไอ้อ้วนนั้นผมยังมึนงงบวกกับยังเสียใจอยู่มาก ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเสียสนิท จนเมื่อมันยอมให้ผมได้อยู่กับตัวเองสักพัก ความทรงจำสารเลวนั่นก็แล่นเข้ามาแจ่มชัดในห้วงสมอง

คืนนั้นผมโดนป้ายยาโดยไอ้สองตัวนั่น ตอนที่ไอ้อ้วนมันอุ้มพาผมกลับเข้ามาในรถก็พยายามจะลูบไล้ฟอนเฟ้นอีกฝ่ายตลอดเวลา เป็นผมเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  วันต่อมาความโกรธที่มีต่อไอ้อ้วนกลับหายไปเองอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะตะขิดตะขวางใจกับการมองสบตามันอยู่บ้างแต่ผมก็ไม่ได้ฟูมฟายใหญ่โตแล้ว

ผมพยักหน้ากับอกพี่ รับรู้ว่ามีสัมผัสอบอุ่นมาลูบศีรษะปลอบโยนอีกครั้ง

พี่ค้างด้วยไม่ได้นะครับ อยู่คนเดียวอย่างอแงนะ"
ผมพยักหน้ารับรู้ พี่ต้องกลับไปหาคนของพี่ผมเข้าใจดี

"ริวยังไม่ตื่นอีกเหรอ นอนนานๆพี่ก็จับจุมพิตให้ตื่นสิครับ"

"เจ้าหญิงตื่นแล้วหล่ะ แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้มาก นอนมาสามปีสงสัยลืมวิธีการเดินไปหมดแล้วหล่ะ นี่พี่ก็จะกลับไปนวดให้กล้ามเนื้อคลายๆไปบ้าง ส่วนการหัดเดินโรงพยาบาลเค้าก็มีนักกายภาพมาช่วยเหลือทุกวันอยู่ ความจริงบางครั้งพี่ก็เดินเข้าไปเฝ้าได้อย่างเดียวไม่มีไปช่วยอะไรเค้าเพิ่มหรอก แค่ตื่นพี่ก็ดีใจมากแล้ว"
พี่เคย์โตะบอกออกมา พี่ผละจากผมไปเปิดตู้เย็นหยิบแผ่นเจลประคบตาส่งมาให้ผม

"ริวจัง...มีความสุขดีใช่มั๊ยฮะ?"

"ริวไม่โกรธน้องหรอก เชื่อพี่นะคนดี น้องรู้มั๊ยว่าตอนเขาลืมตาขึ้นมาเขาแทบพูดไม่เป็นคำเพราะคอแห้งจากการไม่ได้ใช้เสียงมานาน แต่ริวเปลี่ยนไปเยอะ ริวไม่ใช่คนเอาแต่ใจชอบเอาชนะและขี้อิจฉาเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ริวหน่ะอยากพบน้องจะตาย แต่น้องสอบเข้ามหาลัยอยู่เขาก็ห้ามไม่ให้พี่บอกน้องเรื่องที่ตื่นนั่นแหละ กลัวไม่มีสมาธิเขาบอก ฮะๆ"

"พี่ห้ามทิ้งเพื่อนน้องนะ"
ผมส่งสายตากดดันไปที่พี่ ถึงพี่จะบอกผมว่าไปหาริวทุกวัน แต่ใจพี่ผมไม่รู้เลยว่ามีสักวันไหมที่จะรู้สึกกับริวได้มากกว่าคำว่าสงสาร

"พี่...รัก"
"ริว"
"ครับ พี่รักริว..."
พี่จูบเปลือกตาผมเบาๆ แล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งมองเจลประคบลดบวมนั้นด้วยความรู้สึกที่แปลบปร่าในใจ

ผมทำเรื่องเห็นแก่ตัวกับพี่มาตลอด

แต่พี่ก็ทำให้ผมแน่ใจว่า เราสองคนนั้นมีบางอย่างที่เชื่อมต่อถึงกัน และถ้าอยู่ใกล้กันมากกว่านี้มันอาจจะแสดงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ม่านบางๆของความสัมพันธ์พี่น้องที่กั้นเราอยู่ ผมได้แต่กันตัวเองออกมาเงียบๆ ผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้อีกแล้ว เพราะถ้าผมกับพี่ไม่รีบหยุดมัน พี่จะกลายเป็นคนเนรคุณขึ้นมาทันที

++++++++++++++++++++++++++++++

กี่วันแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปจากบ้านนี้

หลังจากที่พี่กลับไป
ผมกระชับผ้าห่มผืนหนาเข้ากับตัวให้แน่นขึ้น

จู่ๆเสียงเปิดประตู่ห้องก็ดังขึ้น
ทั้งที่ผมสั่งไปแล้วว่าห้ามให้ใครเข้ามาในห้องนี้ ถ้าหิวข้าวผมจะบอกเอง

กำลังจะผงกหัวขึ้นไปด่าบอร์ดี้การ์ด...

ไอ้อ้วนมันเดินอาดๆเข้ามาในห้องส่วนตัวของผม มือกระชากผ้าห่มที่ผมซุกอยู่ทั้งคืนให้หลุดขึ้นไป เอาฝ่าตีนยันเบาๆที่สะโพก ปลุกเถื่อนสม่ำเสมอจริงนะสัดอ้วน!!

"เหี้ยหนิ! ปล่อยกูดราม่ามั่งได้มั๊ย กวนแต่เช้าจริงมึง"

"มึงก็ตื่นง่ายๆเหมือนชาวบ้านร้านตลาดซะมั่งสิ  ไม่ใช่ได้กูแล้วจะใช้ให้ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกทุกคืนนะสัด"
มันถอนหายใจเหมือนผู้หญิงโดนข่มขืนแล้วฝ่ายชายรับเข้าบ้านมาเป็นเมียทาส ไอ้สัดนี่ หน้าระรื่นไปมั๊ยมึง

"มาทำไม มึงไม่ต้องไปตรวงานตรวจการอ่ะ? "
สันดานเสียตอนเรียนก็โดดเรียนตอนทำงานก็โดดงาน

ไอ้อ้วนเอนตัวลงนอนง่ายๆข้างๆกองผ้าห่มที่มันดึงออกไปจากตัวผมเมื่อครู่
"ก็มึงยังไม่ตื่นมาเตรียมตัวไปเรียนเลย กูก็ทำตามมึงสิ"
ไอ้เหี้ย!!! ตอแหลตีหน้าเศร้าได้น่าเอาตีนนาบหน้ามาก

"กูไม่ได้ตัวติดกันกับมึง ไม่ต้องมาเปรียบเทียบกะกู อีกอย่างวันนี้กูไม่มีเรียนโว๊ย ช่วงนี้มีเทศกาลรับน้องขี้เกียจไปนั่งฟังรุ่นพี่บ่น"
มันไม่ยอมปล่อยให้ผมดราม่าจริงๆ

"อีกสองสามนาทีถ้ามึงไม่ลุกจากที่นอน มึงได้ตัวติดกับกูแน่ไอ้เตี้ย"
แม่งงงงง!! ผมมองตามสายตาหื่นขั้นแม็กซ์ของมันมาหยุดตรงกลางลำตัวที่ชี้โด่ชี้เด่เคารพธงชาติเหมือนทุกวัน มันเป็นปกติของผู้ชายทุกคนอยู่แล้วนะผมว่า ตื่นนอนก็คึกคักเข้าห้องน้ำไปชักเดี๋ยวก็สงบลงแล้ว....แต่จากสายตาไอ้อ้วนนั่นผมรีบผลุนผลันวิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการยูริน้อยก่อนที่จะตัวติดกันกับมันทันที

แม่งหื่นตลอดช่วงนี้

"เขาว่ากันว่าถ้าชักให้แตกไปรอบนึงแล้วรอบต่อไปจะอึดขึ้น มึงอยากลองบ้างมั๊ย"
มันตะโกนไล่หลังมาติดๆ เหี้ยหนิ!


...................................

อ้วนมันนั่งอยู่ที่ตีนบันได
โซฟามีให้นั่งก็ไม่ยอมนั่ง

มันหัวเราะคุยโทรศัพท์รุ่นเดอะ แจ๊วๆเหมือนหมาน้อยอ้อนเจ้านาย
"ค๊าบๆ สัญญาว่าพรุ่งนี้จะทำงานเพิ่มเป็นสามเท่าเลย พอใจยัง"
"อือฮึ ถ้าอยู่ในโอวาทเหมือนยูโตะมันก็ดีสิ "
"อยากมัดติดไว้กะพุงไม่ให้ไปไหนเลย"
"สัญญาแล่วน่าาาา"
"เคๆ เดี๋ยวขโมยสตอว์เบอร์รี่แถวนี้ไปให้"
"งอนผมก็ไม่ง้อหรอกนะคนสวย ไปงอนยูโตะไป๊"
"ฮ่าๆๆๆๆ ไปทำงานเร็วๆคุณเลขา"

ผมทำเป็นไม่เห็นสีหน้าระรื่นของมัน ก้าวขาสั้นๆพาตัวเองไปหยุดยืนอยู่ที่โซฟาใหญ่ แต่น้ำตาที่มันรื้นๆขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กลับทะลักออกมาเพียงเพราะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

"อ้วนมึงมาเปิดแคมป์ที่บ้านกูได้กี่วันแล้ว"
กองหนังสือโป๊กับห่อขนมเป็นลังๆวางเรียงรายล้อมร้อบผ้าห่มผืนหนาและหมอนกองโต อย่าบอกนะว่ามันมานอนที่นี่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว

"ก็ตั้งแต่พี่มึงออกไปแหละ ก่อนจะไปมันก็ไปหากูแล้วเสนอสถานที่ตั้งแคมป์สุดพิเศษไม่คิดค่าเช่า กูก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เห๊ย มึงอย่าร้องไห้สิวะ สัดหนิ กูไม่ได้เต็มใจมาหรอกน่า มึงจะร้องไห้เสียใจทำไมเนี่ย"
มันลนลานวางมือถือไว้ข้างตัวถลันเข้ามาหาผม เหมือนตัวเองเป็นคนทำให้ผมร้องไห้เสียอย่างนั้น จริงๆก็มันนั่นแหละตัวการเลย

"บ้านช่องมีก็กลับไปนอนเตียงอุ่นๆสิ มานอนเกะกะบ้านคนอื่น"
ผมแว๊ดใส่ ทั้งที่น้ำตามันยังไหลออกมาไม่หยุดเนี่ยแหละ

อ้วนมันใช้นิ้วปาดไอ้ที่ไหลพรากๆนั้นให้อย่างทะนุถนอม มันยิ้มเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
"แล้วมึงจะอยู่กับใครละไอ้เตี้ย อย่างน้อยตอนนี้มึงก็อยู่กับกูไง มึงหน่ะพวกขาดความอบอุ่น กูนี่แหละความอบอุ่นของมึง วันนั้นกูยังทำมึงอุ่นจนร้อนเลยจำไม่ได้เหรอ"
สัด!! เคยซึ้งกะใครเค้าเกินห้าประโยคบ้างมั๊ยเนี่ย

"ไม่ต้องเลยมึงอ่ะ  ถ้าแม่กูไม่บังคับมึงก็ไม่ทิ้งงานการระดับชาติของมึงมาดูแลกูหรอก"
ผมพูดถากถางมัน ตอนนี้เราสองคนยืนแง่งอนกันเหมือนพระเอกนางเอกอินเดียจนผมรับไม่ได้ซะงั้น

"กูทำงานไปด้วยเลี้ยงเด็กไปด้วยได้น่า มึงก็รู้ว่ากูหน่ะ...อึด!"
ไอ้อ้วนสมองควายนี่!มึงจะทำให้กูหน้าแดงกับคำพูดหลายแง่หลายง่ามนั่นใช่มั๊ย

ผมกับมันหน่ะนะ...
ไม่หวานแม้แต่นิดเดียว
ปากก็หมาทั้งคู่
คุยกันทีไรแห่กันมาทั้งสวนสัตว์
แต่มันหน่ะนะ...
ความอบอุ่นของผมแหละ




..........................จบ.....................






[SF] kimi+boku=LOVE (1/2)






[SF] kimi+boku=LOVE (1/2)





"สัดอ้วน สายนะแม่ง ถ้าไม่ติดมึงต้องไปประชุมผู้ปกครองแทนพ่อกูนะ ไม่รอหรอก"
ไอ้ตัวเล็กหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิง ขี้บ่นยิ่งกว่าสาวแก่ บ่น บ่น บ่น และก็บ่น ทันทีที่ผมเปิดประตูน้องอาโอะซีวิคสุดสวาทให้มันได้ก้าวขาสั้นๆนั่นนั่นเข้ามาลวนลามรถผม

"บ่นมากหน่ะเตี้ย วันนี้วันเดียวแหละที่กูจะจะให้มึงได้เข้ามาในตัวน้องอาโอะของกู"
ไม่อยากจะบรรยายโวหาร แต่ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเสวนากับไอ้นี่นักหรอก

"หยั่งกะกูอยากไปกับมึงนักแหละ ทุ้ย"
นั่น ไอ้เตี้ยชิงหมาเกิด สถุนได้อีก

วันนี้เป็นวันเปิดการเรียนของมหาลัยชื่อดังที่ไอ้เตี้ยมันสอบเข้าได้แบบฟลุ๊คๆ ผมไม่เชื่อหรอกว่าน้ำหน้าอย่างมันจะตั้งใจเรียนจนสอบติดมหาลัยนี้

ตามธรรมเนียมของเฟรชชี่ต้องมีการนัดประชุมผู้ปกครอง แต่พ่อแม่มันเกิดอารมณ์อยากจะฮันนีมูนรอบที่สามสิบสองเลยชวนพ่อแม่ผมไปลุยจับหอยหลอดที่เมืองไทยสบายอุรา ปล่อยให้ผมต้องรับผิดชอบลูกชายสัมภเวสีนี่อย่างจำยอมโดยมีมรดกของบ้านผมเป็นตัวประกัน

ผมกะไอ้เตี้ยที่พอขึ้นรถผมมาได้ก็เอาไอพอดขึ้นมาเสียบหูฟังเล่นไปสบายอุรานี่ไม่ค่อยจะถูกกันนักหรอกครับ เรียกว่าศัตรูเลยดีกว่า ถ้ามันเป็นญี่ปุ่นผมก็เป็นเกาหลีอ่ะแหละ

จำได้ว่าตอนผมหกขวบ แม่มันเคยพามันซึ่งตีนเท่าฝาหอยแครงมาเที่ยวบ้านซึ่งอยู่ติดกันนั่นแหละ ไอ้ผมก็เห็นน้องตัวเล็กแล้วเอ็นดู กะจะเปิดผ้าดูเอ็นมันเสียหน่อย แม่งกลับฉี่รดหน้าผมเต็มๆ แค้นสิครับ หยามบุรุษเพศมากไปแล้ว ฉี่รดหน้าไม่พอหัวเราะเยาะอีกต่างหาก เห็นกูเป็นแก๊งสามช่าเหรอสัด?

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตผมก็ไม่เคยรอดพ้นจากมันเลย พ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันบังคับข่มขืนใจให้ผมต้องคอยรับใช้มันตั้งแต่มันเข้าเรียนอนุบาล คิดดูว่าผมแสนจะเบื่อขี้หน้ามันมากแค่ไหน

"สวยตายหล่ะน้องอาโอะ ดูแลหยั่งกะเมียท้อง จะอ้วก"
อ้าวสัดเตี้ย มึงท้องก็ลงไปอ้วกในป่าข้างถนนเลยนะ อย่าเอามลทินมาแปดเปื้อนรถกู มึงตั้งใจบ่นค่อยๆให้กูได้ยินใช่ป่ะเนี่ย

เส้นทางที่ผมเลือกใช้เป็นถนนสายเลี่ยงเมืองเนื่องจากทางไปมหาลัยนั้นออกจะกันดานอยู่สักเล็กน้อย(ไม่เล็กน้อยหล่ะสามสิบนาทีมีรถสวนมาคันเนี่ย)

มือขาวซีดเหมือนซากศพไมเคิ่ลแจ๊คสันนั้นเอื้อมจะคว้าแผ่นซีดีที่ค้างอยู่หน้าคอนโซล คงจะมาเปิดร้องคาราโอเกะเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหายอมไม่  ไม่รู้อะไรซะแล้วว่าไอ้แผ่นนั้นมันลับเฉพาะคนรู้ใจที่ผมได้มาจากแฟนคลับเชียวนะ(เออ...ผมก็มีแฟนคลับเหรอวะ?)

"เห๊ยๆ เห๊ยๆๆ"
ส่งเสียงขู่ไปเหลือบมองเจ้าของมือหลุกหลิก

"เป็นบ้าไรของมึง มองกูด้วยสายตางี้มีตัณหาแก้ไม่ตกไง"
แล้วมันก็ยัดซีดีเข้าเครื่องเล่น

ตัณหาหน่ะมีเยอะเลย แต่มีกับสาวๆสวยๆนะไม่ใช่กับมึง โชคดีที่รถผมยังติดตั้งเครื่องเสียงรุ่นเก่าอยู่ การประมวลผลเลยไม่ค่อยไหลลื่นเหมือนของคนอื่น

เสียงห้ามล้อดังสนั่นเหมือผมเหยียบเบรกกระทันหัน

"เอี๊ยดดดดดดดดดดด"
ผมอาศัยจังหวะไอ้เตี้ยตกอกตกใจรับกดปิดแล้วดึงแผ่นออกมาหนีบไว้ใต้ขาหนีบทันที

ทันทีที่มันตั้งตัวได้  ภายในตัวน้องอาโอะของผมก็ไม่สงบอีกต่อไป มือน้อยๆเขวี้ยงไอแพดไปตกปุที่หลังรถไม่ปราณีปราศรัย หันมาสนใจกระผมแทน

"เหี้ยยยยยยย ทำเหี้ยอะไรของมึงห๊ะ กลัวไม่ตายห่าไง เบรกหยั่งกะเจอจิ้งจกโดนตุ๊กแกกินตับ เอาปืนจี้ขอใบขับขี่มาใช่มั๊ยสัด เกิดกูตายไปทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนเดวิด เบ๊คแฮม มึงจะเผาไปให้กูในปรโลกเหรอเหี้ย"
ไอ้เด็กเวรนี่ ขึ้นเหี้ยลงเหี้ยจนผมเกือบไปส่องกระจกดูหน้าเหี้ยๆของตัวเองแล้วว่ามันไปคล้ายคลึงกับเหี้ยตรงไหน

"มึงห้ามมองกูด้วยสายตาแบบนั้นนะเตี้ย"
ผมตะโกนใส่มันบ้าง เมื่อโดนด่าไม่พอยังมาทำสีหน้ารังเกียจผมเต็มประดาใส่กัน

"ไมกูจะมองไม่ได้ โตเป็นควายแล้วยังเล่นเหมือนเด็กสิบขวบ มึงชอบเอาชีวิตมาเป็นของเล่นเหรอ มึงคิดว่าชีวิตมันน่าเล่นมากใช่มั๊ย"
มันด่าผมแวด อัพเดทสายตาเป็นเลเวลสูงขึ้นเป็นแบบ"เหยียดหยาม"

"เมื่อกี๊กูเห็นงูเลื้อยผ่านหน้ารถ"
อ้อมแอ้มแก้ตัว มันก็ไม่ว่าอะไรแต่แววตานั้นลดเลเวลลงแล้ว หันไปบ่นให้ผมได้ยินอีกดอก

"ตาตี่อย่างมึงมองเห็นงูด้วยเหรอ"
เหี้ยนี่ งูมันตัวใหญ่กว่าจิ้งจกโดนตุ๊กแกกินตับของมึงอีกกูจะบอกให้ อย่ามาวิจารณ์ตาชั้นเดียวอันเป็นเสน่ห์ของกูนะ

"เกลียดมึงจริงๆ กลบเกลื่อนอะไรไม่เคยจะมิด ส่อพิรุธตลอด"
มันเอื้อมตัวข้ามพนักไปหยิบไอแพดที่สันนิษฐานว่ายังใช้ต่อได้ของตัวเองมาเสียบหูฟังเปิดฟังเพลงเอนหลังหลับตาพริ้ม
ปล่อยให้ประโยคนั้นซึมซาบเข้าก้านสมองผมช้าๆ กูรู้หรอกว่ามึงเกลียดกูอ่ะ จะย้ำทำไม?

ผมหยิบแผ่นซีดีขึ้นมาสอดเข้าที่เดิมของมัน ซึ่งตอนนี้ไอ้เตี้ยไม่สนใจมันแล้ว

บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคนแบบนี้





เวลามันเงียบแบบนี้ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

....

น้องอาโอะพาผมและเฟรชชี่คณะอักษร เคลื่อนเข้ามาจอดในโรงรถของมหาลัยในเวลาค่อนข้างสาย

ผมเปิดประตูออกมาด้วยมาดที่ส่องกระจกทำที่บ้านมาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าดูเท่และแมนแฮนซั่มสะดุดตาสาวๆ

ขาพาก้าวไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยสู่หอประชุมหลังใหญ่ การที่เคยเรียนที่นี่มาสี่ปีทำให้ผมสามารถรู้ทุกซอกทุกมุมจนเกือบจะทำแผนที่ได้ด้วยซ้ำ

แต่แปลก??

ผมหันซ้ายย้ายไปขวาพบว่าตัวเองกำลังเดินคนเดียว?



สัดเตี้ยแม่งหายหัวไปไหนฟะ?




การเดินดุ่มๆย้อนกลับไปทางเดิม เป็นความคิดอันปราชญ์เปรื่องที่ผมแทบจะก้มลงกราบตีนตัวเอง ในที่สุดก็ได้รู้ว่าไอ้เตี้ยมันจ้องจะลวนลามน้องอาโอะของผมจริงๆ เพราะตอนนี้มันกำลังพิจารณาภาพในจอแอลซีดีตรงหน้า แล้วหน้าแดงเอาๆ

อารมณ์ผมพุ่งทะยานไปหลายร้อยกิโลเมตร เมื่อกวาดตารอบๆแล้วพบว่านักศึกษาชายบางคนไม่สิ ทุกคนเลยดีกว่า จ้องทะลุน้องอาโอะของผมด้วยสายตาหื่นกระหาย

สัด คราวหลังกูจะติดฟิล์มดำอาโอะทั้งคันเลย ห้ามใส่ซีทรูอีกตลอดชีพ

ด้วยเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นนายน้อยของเหล่ามาเฟียน้อยใหญ่ทั่วประเทศ ผมเลยกลายเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะโดนบังคับให้ทำโน่นทำนี่บริการไอ้เตี้ยแต่ถ้าเป็นบ้านที่เรียกว่ารังโจรของตัวเองแล้วผมเทียบเท่าพระราชาเลยทีเดียว ไอ้อาการหน้าแดงก่ำ

ปากพึมพำนั้นบุคคลภายนอกที่ส่องเข้าไปเจอมันเหมือนยั่วยวนชัดเจน มือกับขาผมกระตุกยึกๆ อยากกระชากปืนมายิงเล่นให้หายเครียดตามสไตล์ลูกชายมาเฟียจริงๆ

แต่สำนึกดีก็บอกว่านี่เป็นสถานศึกษา และเป็นอดีตสถานที่ให้ความรู้ของตัวเองด้วย แม้ว่าสมัยยังอยู่ที่นี่ผมจะชอบแอบไปหลับน้ำลายยืดในห้องพยาบาลมากกว่าศึกษาก็ตาม แต่ควรจะให้เกียรติสินะ

เลยได้แต่ส่งสายตาไปรอบๆ แม่งงงง แฟนคลับไอ้เตี้ยตูดปอดนี่มีแต่ผู้ชายไงวะ หงุดหงิดหาสาเหตุมิได้

ก้าวไปกระชากอาโอะให้เปิดกระแทกกระทั้น ให้รู้ว่ากูไม่พอใจที่มึงนั่งซบลวนลามรถกูนานมากไปแล้ว(จริงๆนะว๊อย)

"จะนั่งให้ริดสีดวงแตกไง ออกมา"

"ถ้ากูไม่นั่งกูจะรู้เหรอว่ามึงแอบมีแผ่นรวมภาพของกูตั้งแต่แบเบาะไว้กับรถ"
สัดดดดดด คิ้วกระตุกยึกๆ ก็กูบอกแล้วว่าแผ่นเหี้ยนี่แฟนคลับให้มา(มึงบอกตอนไหน?/เจน)

"กูไม่ได้อยากได้หรอกสัด แผ่นนี้พ่อแม่มึงให้กูมาหรอกโว๊ย เขาบอกว่าตอบแทนที่กูดูแลมึงมาดีอย่างกับผีขนุนใต้ถุนบ้าน หนอนไม่ให้ไชไรไม่ให้ตอมต่างหาก ลำพังตัวกูหน่ะไม่ได้อยากมองหน้ามึงเลยเหอะ ไม่เจริญหูเจริญตา"
นี่ผมพูดเหี้ยอะไรออกไป หน้าแดงๆอย่างน่ารักของไอ้เตี้ยกลับค่อยๆซีดเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี มันจะเสียใจหรือเปล่าวะ แต่ผมมันพวกปากหมามันก็น่าจะรู้

มันเม้มปากแน่น แต่ก็เชิดหน้าเหมือนซ่อนน้ำตา(ผมคิดเข้าข้างตัวเองมาไปเปล่าวะ?) ก้าวขาสั้นๆลงมาช้าๆ เดินเชิดตั้งท่าเหมือนซุป'ตาร์ยืนอยู่บนพรมแดงเมื่อมีคนขับรถวิ่งมาเปิดประตูให้

นี่ผมกลายไปเป็นคนขับรถมันแล้วใช่มั๊ย? เออ ถึงจะขับรถให้มันนั่งอยู่ตลอดแต่นี่ครั้งแรกนะที่มันมีบุญได้นั่งอาโอะ แล้วผมก็ออกจะดูดีมีสกุล คอยบริการมันเนี่ยก็เพราะมรดกหรอกเว๊ย

"จะยืนเคารพธงชาติอีกนานมั๊ยไอ้อ้วน กูไม่ได้มีเวลาให้มึงทั้งวันนะเว๊ย"

ไอ้เตี้ย!!!!
คำนั้นมันควรเป็นผมไม่ใช่เหรอที่ควรจะพูดกับมัน เวลาของเจ้าของบริษัทอย่างผมเป็นเงินเป็นทองคุ้มค่าทุกวินาทียิ่งกว่าไทยทีวีสีช่องสามอีก นักศึกษามหาลัยอย่างมันมีสิทธิ์พูดเหรอคำนี้

ผมแหวกฝูงชนที่จ้องมองการสนทนาของพวกผม(หรืออาจจะตั้งแต่จ้องหน้าแดงๆของไอ้เตี้ย) ราวกับจะจดสคริปต์แต่งนิยาย ถลึงตาใส่ไอ้เตี้ยไปอย่างเอาเรื่อง อายก็อาย หน้าที่เคยด้านๆจับดูแล้วดูเหมือนจะยังฉาบอิฐฉาบปูนไม่เพียงพอ



กูไม่น่ามาเป็นผู้ปกครองให้มันเลย หมดกันภาพพจน์



...

ความเตี้ยทำให้ผมมองหาเด็กในปกครองไม่เจอ หลังจากออกมาจากห้องนอน เอ๊ย ห้องประชุมที่มีเสียงหวึ่งๆวี๊ๆน่านอนหลับ นั่นแล้ว ผมก็รีบฝ่าฝูงผู้ปกครองออกมากดโทรศัพท์หาไอ้เตี้ยทันทีไม่รอช้า

แต่ไม่ว่าผมจะพยายามกดจนนิ้วด้านเท่าไหร่ เสียงเรียกปลายสายก็ยังคงเป็นสัญญาณว่าติดต่อได้แต่ไม่มีใครสนใจรับสายอยู่ดี


 แม่ง!!! ไอ้เด็กแสบหายไปไหนของมันแล้ววะ

ยืนไปยืนมาชักจะนานเกินรอ ผมเลยก้าวยาวๆไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการหงุดหงิดชัดเจน ตัดสินใจว่าถ้าออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอหน้ามันผมก็จะกลับแล้วหล่ะ ไม่รอแน่ๆ เรื่องอะไรจะต้องคอยเป็นห่วงมันขนาดนั้น ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายเหมือนกันแถมยังปากจัดอย่างกับเจ๊เบียบ

ขณะที่ผมก้าวยาวๆคิดอย่างหงุดหงิด พลันสายตาก็ไปพบกับโทรศัพท์เครื่องน้อย ที่ผมจำได้ว่าเป็นของไอ้เตี้ยเข้า

ที่จำได้ดีเพราะมันแขวนที่ห้อยตัวจอมมารบูพวงใหญ่นั่นแหละ ความจริงผมค้านหัวชนฝาตอนที่มันอ้อนจะซื้อไอพอด ไอแพด ไอโฟน และสารพัดไอต่างๆนานา เพราะไอ้เตี้ยมันเป็นพวกไม่รักษาสิ่งของ ซื้อมาแป๊บเดียวเบื่อมันก็เอาไปบริจาคซะอย่างนั้น จะมีแต่เครื่องนี้แหละที่มันใช้มานาน เพราะเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกที่ผมแพ้พนันมันตอนดูดราก้อนบอลว่าบูอ้วนจะตายด้วยน้ำมือใคร? แล้วต้องซื้อให้มันด้วยความจำใจ แถมมันยังแขวนจอมมารบูไว้เตือนใจให้ระลึกถึงความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่นั่นอีกด้วย

ผมหยิบมันขึ้นมามองอย่างสงสัย ฝาพับมันหักแต่ดูเหมือนจะยังใช้ได้อยู่ ยี่สิบสามสายไม่ได้รับของผมโชว์หราขึ้นมาให้เห็นว่า เจ้าของโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ใกล้มันเพียงพอที่จะได้ยินมัน

หรือไม่อย่างนั้นก็คงโดนใครบังคับพาตัวไปไหนแน่นอน

เพราะผมมั่นใจว่าไอ้เตี้ยรักโทรศัพท์เครื่องนี้มาก



ก็มันเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่มันมีต่อผมนี่...มันเคยบอก

...

ปัง!!!!

เสียงสิ่งหนึ่งกระทบประตูทำให้ผมรีบวิ่งไปที่ห้องนำชายที่แขวนป้ายทำความสะอาดทันที ไม่ลืมที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารอันจ้อยลงไปในกระเป๋ากางเกง

ภาพที่ผมเห็นทำเอาเลือดในตัวหมุนเวียนเหมือนทะเลสีทันดร

ผมแทบจะสติขาดเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อเห็นร่างเล็กในชุดสุภาพของไอ้เตี้ย บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยคราบสีขาวเปรอะเปื้อนไปทั่ว

เด็กหนุ่มวัยรุ่นสองคนรุมฟอนเฟ้นอย่างหิวกระหาย เจ้าตัวได้แต่ครางหน้าแดง ที่แก้มมีรอยโดนตบชัดเจน คราบน้ำตาเปื้อนจนดูไม่ได้

"ยูริ!!!!!"
ผมตะโกนลั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง ภาพสุดท้ายที่เห็นแล้วจำได้ชัดคือตัวเองกระชากไอ้เด็กสองตัวนั่นมากระทืบไม่ยั้ง สภาพพวกมันยับเยินเหมือนกระดูจะหักอยู่หลายท่อน แต่ผมไม่สนใจ พอตั้งสติได้ก็รีบช้อนอุ้มร่างเล็กของไอ้เตี้ยของผมดันเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดเบาๆ

ในขณะที่เปิดฝักบัวราดรดร่างนั้นอย่างกับคนบ้า น้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ผมเลี้ยงของผมมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยปล่อยให้ใครได้ทำอันตรายได้ แต่วันนี้ผมกลับประมาทสั่งบอดี้การ์ดไม่ให้ติดตามจนไอ้เด็กคนนี้เกิดเรื่อง

ไอ้เตี้ยของผมยกมือขาวขึ้นมากอดอกเพราะความหนาว แน่หล่ะ ไม่หนาวได้ไงในเมื่อผมตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะล้างคราบพวกนี้ออกไปไม่ให้เหลือติดไว้แม้แต่น้อย

ก่อนจะอุ้มร่างน้อยออกที่ห่อตัวอยู่ในเสื้อโคทตัวโตของผม ก็ไม่ลืมใช้ปืนเก็บเสียงกระหน่ำยิงเศษสวะไม่ยั้ง

ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรักทันที

"ยาบุ ที่ห้องน้ำ ม.M จัดการศพให้ด้วย บอกเคย์ให้ทีว่ากูจะพาคนป่วยไปหามัน ไล่คนไข้คนอื่นออกจากคลินิคให้หมด"







เสียงครางเบาเหมือนเสียงละเมอทำให้ผมต้องเอียงหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังให้ชัด
"ยูยะ ฆ่าผมที"

กูไม่ยอมให้มึงตายหรอกสัดเตี้ย!!!!!!












to be con



....................................


อิเจนแถลง

เรื่องนี้แต่งจบแล้วนะคะ อยู่ที่ว่าอิเจนจะพิมพ์รึเปล่า
มีสองตอน ตอนแรก คนดำเนินเรื่องคืออิอ้วน ตอนที่สองคนดำเนินเรื่องคือไอ้เตี้ย


ใครบอกว่ามันมีมาม่า???

ไม่มี๊~~~ << เสียงสูงเพื่อ?









10 ตุลาคม 2554

my เด็กลุงจ้อน

1.ชื่ออะไรกัน (จริงเล่น ปลอม ได้หมด)
• เจนจัง เจนจุง เจนจัดจัง เจนจบ

2.เกิดปีไรกัน
•ปีเดียวกับอิเต่าขีด ณ คัตตุน

3.ชอบเด็กลุงวงไหน
• เทโกมัสสึ เฮย์เซย์จั๊มพ์ นิวสึ เอ็นวายซี คัตตุน (สมควรยุบเทโกมัสมาไว้ที่นิวสึและยุบเอ็นวายซีมาไว้ที่จั๊มพ์ซะ)

4.คุณรู้จักเด็กค่ายนี้ได้ยังไง
• นิตยสารเล่มนึงชื่อ NIPPON

5.รู้จักใคร/วงอะไร ในจอห์นนี่คนแรก
• ฮิเดอากิ ทาคิซาว่า

6.จากข้อบน รู้จักได้ยังไง
• นิปปอน

7.ใน Arashi ชอบใครมากที่สุด
• หัวหน้าโอ

8.แล้วชอบเพลงอะไรของ Arashi
• วันเลิฟ อา-รา-ชิ

9.ใน KAT-TUN ชอบใครมากที่สุด
• พี่คิ

10.แล้วชอบเพลงอะไรของ KAT-TUN
• เม้กยูเว็ท =3=

11.ใน NEWS ชอบใครมากที่สุด
• เทโกมัส

12.ชอบเพลงอะไรของ NEWS
• ไทโยโนะนามิดะ / ไอโนะมาทาดอร์ / ไอนันเตะ / ไอไอกาสะ(ไม่เกี่ยว!!!) / นิวสึนิปปอน / โกเมนเนะจูเลียต / ช๊อคมี / ซากุระเกิร์ล / โค่ยโนะเอบีโอ / นันโตกะ นารุสะ / มาสุเปอร์แมน / แฮปปี้เบิร์ธเดย์ / ซัมเมอร์ไทม์ (มึงทำไมไม่บอกไปว่าทุกเพลงวะเจน??)

13.ใน Hey! Say! JUMP ชอบใครมากที่สุด
• อิป๋าเกิบแตะ และชี่น้อยยาม้า (ตอนนี้ชอบกล้ามน้องเม่น)

14.ชอบเพลงอะไรของ Hey! Say! JUMP
• ยั่วซี๊ด / อาริกาโตะ / ทูชาย(ทูเคย์) / มาโยฯ / โอเระตาจิโนะเซย์ชุน / โบเค่นไรด้า / ซุริรุ / ไทม์ / โจเนทสึจั๊มพ์ / ชินกุ / สตาร์ไทม์ / ฮิโตมิโนะสกรีน / อุรุวะชิโนะแบ๊ดเกิร์ล / เอเชียโนะโยรุ / สคูลเดย์ / เอนเลสดรีม....................ทุกเพลงที่มีน้องริว

15.นอกเหนือที่กล่าวมา ชอบวงอะไรหรือใครกันอีก
• kitty GYM

16.ร้องเพลง/ฟังเพลงของ SMAP ไหม แล้วเพลงอะไร (ถ้าหลายเพลงเอาที่ชอบมากๆ)
• ไม่มี

17.ถามเหมือนข้างบน แล้ว V6 ล่ะ
• ไม่รู้จักแต่เคยฟัง

18.เหมือนข้อ16 แต่เป็นวง TOKIO
• คำตอบเหมือนข้อ 16

19.เหมือนข้อ16 แต่เป็น ทักกี้&สึบาสะ
• วีนัส (เพลงเดียวที่ติดหู)

20.เหมือนข้อ16 แต่เป็น Kinki Kids
• ก็คำตอบเหมือนข้อ 16 อีกนั่นแหละ

21.เพลงแรกของเด็กลุงที่ร้องได้
• ไม่อยากจะบอกว่า...โอเระตาจิโนะเซย์ชุน เพราะฟังบ่อย

22.เพลงแรกของเด็กลุงที่ได้ฟัง
• อาราชิโนะคานิวัล

23.เต้นเพลงไรได้บ้าง
• ได้เพลงเดียว โจเนทสึจั๊มพ์ เพราะส่องรายการสคูลคาคุเมบ่อย

24.รู้จักเด็กลุงคนแรกจากละครเรื่องอะไร
• โรงเรียนนักสืบคิว

25.รวมๆแล้วชอบเด็กลุงมานานเท่าไหร่
• ถ้านับตั้งแต่พี่กี้ก็สิบเอ็ดปี ถ้านับแบบตามจริงจังเพิ่งห้าปี

26.ตอนนี้อยากเจอใคร หรืออยากให้ใครมาไทย
• พี่คิ จะขอก็รีบขออย่ารอให้ถึงปีหน้า

27.สุดท้ายนี้ อยากพูดอะไรไหม
• อิลุงชั่ว น้องริวกูอยู่ไหน!!! (อารมณ์จาพนมตามหาช้าง)

4 กันยายน 2554

[SF] - ฉันเป็นของเธอ (TakaChii)










ฉันเป็นของเธอ
Takaki Yuya x Chinen Yuri



ยูยะ  หลังจากได้รับข้อความจากริวทาโร่ว่าจะขอปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ เขาก็รีบมาตามสถานที่นัดพบ
แต่ก็ไม่เห็นใคร นอกจากชายหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
“ทาคาคิ ยูยะ คู่หมั้นของริวทาโร่ใช่หรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้น
“อดีตเท่านั้นครับ คุณรู้จักริวทาโร่ด้วยเหรอ แล้วนี่เขาอยู่ไหน”
เขาถามกลับพร้อมกับมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทางภูมิฐานฐานะคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขา รูปร่างหน้าตานั้นก็ยังดูดี สุภาพเรียบร้อย ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยใดๆเสียด้วยซ้ำ
“ผมเป็นเพื่อน ที่อาสาเอาแหวนหมั้นมาคืนคุณเท่านั้นแหละครับ”
ชายหนุ่มผู้นั้นยื่นกล่องกำมะหยี่เล็กๆให้ยูยะ พอเปิดดูพบว่าเป็นแหวนสีขาวฝังพลอยรูปหัวใจ
ยูยะยิ้มและรับกล่องเล็กคุ้นตามาถือไว้ นึกรู้โดยสัญชาตญาณว่าชายหนุ่มตรงหน้ากว้างขวางมิใช่น้อย เนื่องจากแหวนวงนี้เป็นแหวนหมั้นที่เขายกให้ริวทาโร่เป็นคนเก็บเอาไว้เมื่อพวกเขาถอนหมั้นกัน
“คุณรู้ใช่มั๊ยว่าผมกับริวทาโร่หมั้นกันทำไม”
ยูยะถามหยั่งเชิง และก็ได้คำตอบดังที่คิดไว้
“ผมรู้เมื่อคืน”
ทั้งๆที่ถอนหมั้นกันมาเป็นปี ยูยะถอนหายใจกับความปากแข็งของริวทาโร่ เขาเตือนตั้งนานแล้วว่าให้บอกแฟนได้แล้วว่าที่หมั้นกับเขาเพราะแค่ลองใจอีกฝ่ายเท่านั้น
“ผมคงดูไม่ผิดใช่มั๊ยว่าคุณรักน้องชายของผม....จริงๆ”
ยูยะถามเพื่อให้แน่ใจ อีกฝ่ายขยับตัวตรง ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากนั้น แต่ก็พยักหน้าน้อยๆอย่างไว้ท่า
“เรื่องเรียนต่อของเขาเอาเป็นว่าผมจะจัดการต่อเอง คงไม่ต้องรบกวนทางคุณอีกต่อไป...โอคาโมโตะ เคย์โตะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มผู้นั้นเดินจากไปแล้ว ยูยะยังมองกล่องแหวนในมือยิ้มบางๆ เขาดีใจที่น้องชายของเขามีคนดูแลที่เจ้าตัวเองเต็มใจให้ดูแลเสียที ทั้งที่แต่ก่อนเขาและริวทาโร่ตัวติดกันเสียจนพี่สาวเคยแซวเอาบ่อยๆว่าสองคนนี้คงไม่แคล้วกันและกัน 
แต่ก็มีเขาทั้งสองคนนั่นแหละที่รู้ตัวในที่สุดว่าต่างก็ไม่เคยรักกันในเชิงชู้สาว
ทั้งหมดแค่ความผูกพันของคนที่โตมาด้วยกันก็เท่านั้น
ร่างสูงยกกล่องกำมะหยี่น้อยขึ้นมาจูบลงแผ่วเบา นึกถึงหน้าน้องก็ยิ่งยิ้มดีใจไปด้วยที่ต่อไปจะได้มีความสุขกับเขาเสียที
ไม่ได้รับรู้เลยว่าอีกด้านของตัวบ้านมีคนยืนกำมือแน่นมองภาพเมื่อครู่อย่างโกรธแค้น
“ตีสองหน้า โกหกว่าออกมาคุยโทรศัพท์เรื่องงาน ที่แท้ก็นัดส่งของแทนใจกับคู่หมั้นเก่า พี่จะได้เห็นความร้ายกาจของผมบ้าง ยูยะ”
ร่างเล็กขบกรามแน่น จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเองให้เจ็บสมกับที่ในใจมันเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว น้ำตาที่หลั่งลงบนหน้าเนียนด้วยความคั่งแค้น ในใจหมายมาดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเชื่อใจยูยะ ทาคาคิ!!!!!
ใครเลยในบ้านนี้ ในโลกนี้  ที่มองไม่ออกว่าเขารักน้องชายของแม่เลี้ยงสาวคนนี้มากแค่ไหน เขาตามรักตามมองอีกฝ่ายสนิทสนมคุ้นเคยกับโมริโมโตะ ริวทาโร่อย่างเจ็บปวดมากขนาดไหน 
เขารู้ว่ายูยะไม่ชอบที่เขาเอาแต่ใจ อารมณ์ร้ายกับทุกคนในบ้าน แต่เคยมีสักครั้งมั๊ยที่เขาจะมองลึกเข้าไปว่าความเอาแต่ใจและอารณ์ร้ายๆที่เขาแสดงออกมา....มันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากใคร!!!!!
ร่างเล็กได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจจนแทบจะทนไม่ไหวไว้ในอก
เขาเคยยอมให้ริวทาโร่ครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอ่อนแอบอบบาง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้เห็นด้วยตาตัวเองว่าริวทาโร่ไม่ได้รักยูยะแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาทำนะเหรอ ถ่ายคลิปร่วมรักของมันกับผู้ชายที่เดินออกไปเมื่อครู่ไปขู่ให้ถอนหมั้นไงหล่ะ...








……………………………………………………………..



ยูยะเดินเข้ามาในบ้านกวาดสายตาคมมองหาเจ้าตัวเล็ก ลูกชายตัวแสบของพี่เขยอายุคราวพ่อที่เมื่อครู่ยังนั่งเล่นเกมส์พิงหลังเขาอยู่เลย
“คงดีใจจนเนื้อเต้นสินะ ที่คู่หมั้นเก่าส่งของมาออดอ้อน”
ยูยะถึงกับสะดุ้ง เพราะเขามัวแต่คิดว่าเจ้าตัวอาจจะเข้าไปหาอะไรกินในครัว จนลืมนึกว่าเจ้าตัวแสบอาจจะตามเขาออกไปข้างนอกก็ได้
“ขวัญอ่อนจริงนะ มานี่”
ร่างเล็กแต่มีแรงมากอย่างเหลือเชื่อ กระชากแขนใหญ่ให้เดินตามไป
“นี่มันเรื่องอะไรกันหน่ะยูริจัง”
ยูยะบิดข้อมือเพียงเล็กน้อยเขาก็หลุดออกจากการจับกุม มือใหญ่ตวัดคว้าต้นแขนเล็กรวดเร็วประดุจสายลม จับไว้มั่นเพื่อจะเค้นถามกับการกระทำอันอุกอาจของเจ้าตัวน้อยที่เขาไม่เคยพบด้านนี้มาก่อน
“นี่ปล่อยนะ”
ยูริตะโกนใส่หน้าคนตัวใหญ่กว่าอย่างขาดสติ แค่ที่เขาเฝ้ามองเฝ้ารักอย่างเงียบๆคงจะไม่ทำให้รู้ตัวสินะ 
ไม่รู้ตัวหรือไม่อยากรู้ตัวกันแน่...?
เคยยื้อใจคนตรงหน้าไว้กับตัวเองบ้างหรือเปล่าเขายังไม่รู้เลย เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง 
เหมือนวิ่งไล่ตามเงาของตัวเอง ไม่ว่าจะวิ่งเร็วเท่าไหร่ เงาก็จะยิ่งออกห่างมากขึ้นเท่านั้น เหมือนเขารักอยู่เพียงฝ่ายเดียว เพราะอีกคนนั้นไม่เคยยอมเป็นเงามื้อเที่ยงให้เขาได้จับตัวได้เสียที
“ขาดมันไม่ได้นักหรือไงห๊ะ รักมันหลงมันขนาดถอนหมั้นกันเป็นปีแล้วยังจะอาลัยอาวรณ์อีกนะ ลีลาคงถึงใจมากละสิ...อ๊ะ”
พูดได้แค่นั้นแหละ เพราะร่างสูงผลักเขาออกจากตัวราวกับเจอของแสลง ดี...ไม่เคยเจอยูริในภาคแบบนี้ใช่มั๊ยคุณน้าเลี้ยง 
“แตะต้องไม่ได้เลยนะกับริวจังของพี่ แตะต้องไม่ได้เลยใช่มั๊ย...”
“ยูริ หยุด”
“ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็ตอแหลชัดๆ จริงๆคิดถึงมันอยากได้มันใช่มั๊ย”
ร่างบางยังตวาดใส่ทั้งน้ำตาอาบหน้า เส้นความอดทนมันคงถึงที่สุดแล้วจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นยูริที่หัวอ่อนและว่าง่ายของพี่ยูยะเสมอนะซิ หึ...เพราะรักเลยแสร้งเชื่อฟัง เพราะอยากให้รักถึงได้แสร้งเรียกร้องให้อีกฝ่ายสนใจ แล้วเขาเจอกับอะไร?? ยูยะที่อยู่กับริวทาโร่และเห็นเขาเป็นเพียงน้องชายเท่านั้นนะเหรอ?
“ทั้งๆที่พี่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมคิดยังไง ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ละยูยะ ทำไมช่วยตอบผมที พี่รักผมไม่ได้เลยเชียวเหรอ?”
ร่างสูงนิ่งอึ้ง ใช่เขารู้อยู่เต็มอก แล้วทำไมถึงเป็นยูริไม่ได้?
“ไปตายซะไอ้สารเลว”
เมื่อถึงขีดความอดทน ยูริก็คว้าไม้เบสบอลที่ตั้งโชว์อยู่ตรงหน้าโต๊ะวางทีวี ฟาดเข้าที่ศีรษะของชายหนุ่มเต็มแรงอย่าโกรธจัด จริงๆ แค่นี้พี่เจ็บเท่าที่ผมเจ็บหรือยัง?








ยูยะได้แต่มองร่างน้อยที่เดินสะบัดหน้าจากไปทั้งเลือดที่ไหลเกือบจะเต็มสองตา 
ก่อนร่างนั้นจะเลือนหายไปจากสายตาและสติจะดับวูบ เขาได้แต่คร่ำครวญอยู่ในอกคนเดียว พี่เจ็บคนเดียวไม่ได้ใช่มั๊ย? เพราะสิ่งที่พี่ตัดสินใจมันทำให้นายต้องเจ็บไปด้วยสินะ 
ที่ผ่านมารู้อยู่เต็มอกว่าลูกเลี้ยงของพี่สาวรักเขา แต่ด้วยคำว่า”ครอบครัว”ที่เขาไม่อาจจะทำลายมันได้ ครอบครัวที่เขาไม่เคยมีและรู้ว่ามันสำคัญมากขนาดไหน พี่สาวพี่เขยจะรับได้มั๊ยกับความรักที่ผิดทั้งศีลธรรมและยังเป็นเพศเดียวกันแบบนี้........ก็ได้แต่ทำตัวเหมือนไม่รับไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ไม่คิดว่ายูริจะยึดมั่นกับเขามากมาย
“เพราะพี่รักนาย อยากเห็นนายมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ต้องมาเป็นเด็กกำพร้าเหมือนพี่ไงยูริ...”











“ป๊ะป๋า หนูจะกลับบ้าน!!!!  เรียกรถพยาบาลมารับศพน้องชายหม่าม๊าด้วย แค่นี้นะครับหนูยังไม่พร้อมจะเล่าอะไรในตอนนี้ หนูเหนื่อย”
ยูริก้าวเท้าออกนอกบริเวณบ้าน เดินไปเรียกแท็กซี่จุดหมายคือสนามบิน ทิ้งร่างที่ยังคงมีลมหายใจของผู้ชายที่รัก ยังรัก เต็มหัวใจ .... ทั้งน้ำตา





...................................................................................................................................


6 เดือนต่อมา
ยูริที่กำลังนั่งเล่นเกมส์กับเพื่อนสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดก็ให้ความสนใจจนเห็นว่ามีชายหนุ่มผมทองเป็นสารถี พาร่างสูงของคนที่เขาเคยทำร้ายไว้มาส่งให้ถึงหน้าบ้านตอนเช้าตรู่ จู่ๆอาการหงุดหงิดของเขาก็ก่อตัวขึ้นทั้งๆที่คิดว่าตัวเองคงตัดใจจาก”คุณน้า”ได้แล้ว
ยูยะยิ้มหวานและโบกไม้โบกมือลาโดยไม่นึกว่าการกระทำนั้นจะทำให้อีกคนตาลุกวาบด้วยความโกรธปนหึงหวง จนเรียวสุเกะที่นั่งอยู่ข้างกันยังแขยง
“มันเป็นใคร”
กัดฟันแน่นถามออกไป พี่ไม่มีสิทธิไปยิ้มให้ใครนอกจากผม
 ยูยะไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่มองด้วยแววตาเฉยชาและเดินผ่านไป
“ถ้าไม่คิดจะทักกัน ก็ไม่ต้องมาที่บ้านผมอีก”
ยูยะถอนหายใจและไม่สนใจทำพูดเล็กๆนั่น เรียวสุเกะได้แต่นั่งมองและยกไม้ยกมือห้ามทั้งคู่แทบไม่ทัน
สำหรับยูยะถึงจะโกรธแค่ไหนก็คงไม่ทำร้ายอีกฝ่าย แต่เพื่อนเขานี่สิที่เป็นตัวปัญหา ยูริยามโกรธนั้นไม่สนุกเลยที่จะไปต่อกรด้วย
“ที่พูดด้วยไม่ได้ยินหรือไง ยูยะ ทาคาคิ”
ร่างเล็กเขวี้ยงแก้วน้ำตรงหน้าไปกระแทกไหล่ยูยะเต็มแรง เพื่อดักหน้าอีกฝ่ายไว้
“พี่ไม่รู้จักนาย ยูริที่พี่รักไม่ใช่คนแบบนี้”
เสียงเย็นเยียบนั้นค่อยๆเน้นความที่พูดออกมาหนักแน่น จนยูริถึงกับอึ้ง ครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยินคำว่ารักจากปากนี้ และดูจากแววตาเรียบเฉยนั้นแล้วเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาทำไปได้ทำลายคำว่ารักที่เขาควรจะได้นั่นไปเกือบหมดแล้ว
“คนอย่างนายมีสิทธิ์เรียกร้องความสนใจด้วยเหรอ?”
ยูยะเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ รู้ตัวดีว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อไปเขาอาจจะทำร้ายอีกฝ่ายอย่างพลั้งมือเป็นแน่ แน่นตรงหัวไหล่ที่ถูกแรงปะทะของแก้วน้ำอันโต ยังไม่เท่าเจ็บที่ใจตอนพูดจาทำร้ายอีกฝ่ายเลย...
ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากเขาเดินจากมาแล้วร่างนั้นทรุดตัวลงร้องไห้ให้เขา...เหมือนทุกครั้ง...อย่างอ่อนแอ










...............................................................................

ร่างเล็กที่ก้าวเข้าไปที่เตียงนุ่มเหมือนจะเข้าไปทักราตรีสวัสดิ์ธรรมดา แต่แล้วกลับดึงมีดยาวขาววับชูชันขึ้นเหนือศีรษะ แล้วจ้วงแทงลงไปยังร่างที่นอนอยู่เบื้องล่างโดยไม่นับ
ชายตัวใหญ่ลืมตาโพลง สะอื้นฮักออกมาจากในลำคอ เมื่อเห็นโครงเค้าหน้าน้อยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั่นชัดๆ ร่างเล็กเขวี้ยงมีดลงบนพื้นพรหมเต็มแรง และคว้ากรรไกรด้ามยาวนึ้นมาหลับตาแน่นค่อยๆกดลงไปที่ท้องน้อยของตัวเองสีหน้าทรมาน
“ยะ อย่า อย่าทำ....ยูริ”
เหยื่อได้แต่ร้องห้ามไม่ให้คนร้ายทำร้ายตัวเองโดยไม่สนใจถึงลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วงของตัวเอง 
ยูริหันมายิ้มฝืนๆให้ผู้ชายที่โดนแทงไม่ยั้งที่ยังมีแก่ใจห้ามเขา แล้วกระตุกมือจ้วงลงไปที่หน้าท้องครั้งเดียวมิดด้าม
สะดุ้งเฮือก
มือใหญ่ไขว่คว้าจะรองรับเอาร่างน้อยที่โอนเอนจะล้มหงายหลัง และดิ้นรนด้วยแรงเฮือกสุดท้ายคว้าไว้ได้  และกอดเอาไว้อย่างแสนรัก
“พี่รู้ใช่มั๊ยว่าทั้งหมดผมเป็นคนทำ”
เสียงแหบนั้นเล่าเรื่อยๆเหมือนเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันให้เพื่อนฟัง
“ผมขู่ว่าจะฆ่าโมริโมโตะ เพื่อให้คู่หมั้นเขาถอนหมั้น และเป็นคนขับรถชนคู่หมั้นเขาจนเป็นเจ้าชายนิทรา”
มือใหญ่ลูบข้างแก้มเล็กๆสอดเข้าไปสัมผัสขากรรไกรเนียน ใบหน้าขาวซีดแทบจะไร้สีเลือดโน้มปากที่ยังคงพูดอยู่นั่นมาจูบ ควานลิ้นนุ่มหาความหวานของอีกฝ่ายอย่างต้องการบอกให้พอ
ยูยะถอนจูบแผ่วเบา ลูบหัวเล็กๆมาซบที่อก
“พี่รู้...พี่...รู้...”
ยูริช้อยสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังจะจากไป พินิจพิเคราะห์ใบหน้าคมคายที่เริ่มหายใจแผ่วเบาเรื่อยๆ น้ำตาคลอที่ต้องตัดสินใจเช่นนี้ แต่เขาหาทางเลือกอื่นไม่เจอแล้วจริงๆ 
ความทรมานจากความรักทำให้เขาเลวถึงขนาดทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างเลือดเย็น ตอนนี้เขาก็ขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการฆ่าคนที่รักให้”ตายตกไปตามกัน” 
ยูยะตายเขาคงอยู่ไม่ได้ และถ้าเขาตาย เขาก็ยอมให้ยูยะก็อยู่ไม่ได้อีกเช่นกัน
“ระ รักนะ ยูริ”
แค่คำว่ารักคำเดียว
อีกคนจะถูกหรือผิด ไม่ว่าคิดจะช่วงชิงลมหายใจของตัวเอง ก็ยังจะรักอยู่ดี


“อืม ผมก็รัก”










รักเธอมากกว่าใครในโลกนี้รวมกัน
และสำคัญเกินกว่าจะยอมเสียเธอไป
เพราะสุดรักสุดหวงถึงเหนี่ยวรั้งเธอไว้
จนหมดลมหายใจ....ก็ยอม

(สุดรักสุดหวง...ใหม่ เจริญปุระ)














25 สิงหาคม 2554

meeting Bye Bye Zaol_chan


ทางม้าลาย


กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เปิดขึ้นมาด้วยภาพนี้ น่ากลัวมากแต่ละนาง
วันนั้นนัดมีทกันตอนไหนไม่รู้ ชั้นไม่มีหมายกำหนดการใดๆทั้งสิ้น
เพราะแต่ละนางที่นัดมานั้นไม่ได้พูดอะไร
ไอ้เราก็เลยนั่งดูละครออนยูทูปโต้รุ่ง(ชั่ว สารเลว)
แต่ตาบวมอ่ะ Monkey Winksแงๆๆๆๆ




ฝากรูป

สิ่งที่อยู่ในมืออยากได้มาก จะงุบงิบยัดลงเป๋าอยู่แล้วแหละ
บังเอิ๊ญญญญญญญญญญญญญญญญญญ เจ้าของมันรู้ทัน จิ๊ =3=






ฝากรูป

อันไหนของใคร?


ใช่ว่าไปแล้วจะไปนั่งกินกันอย่างเดียว Monkey Icon
อ๋อ...ชั้นลืมบอกสินะว่าตอนไปถึงนั้นอิชั้นไปเจอพวกหล่อนที่เวสเตอร์กริล
และเวลาต่อมาก็โยกย้ายตูดอันเล็กจ้อยมาสุมหัวกันที่ร้านไปติม
ก่อนจะย้ายตูดเป็นครั้งที่สาม ไปฟู๊ดคอร์ท
ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเขียนโปสการ์ดหาสามีกัน เอ๊ย เขียนหาสุดที่รัก
จริงๆปั้นมันอยากเขียนหาลุงจ้อน Monkey Icon Ciciแต่โดนแพนด้าเบรกว่าลุงจ้อนอาศัยบ้านเดียวกับน้องมะแล้ว กร้ากกกกกกก สงสารปั้นคุง ลุงจ้อนสุดที่รักมีเด็กแล้ว โฮ่ๆๆๆๆ





แต่ละคนช่างมั่น


หาได้พอไม่
หลังจากออกมาจากฟู๊ดคอร์ทแล้ว
แต่ละนางยังบ้าพลังกันไม่หยุด
ถ่ายปุริ มันซะเลย แป่ว ชั้นว่าละว่าต้องหนีไม่พ้นปุริMonkey Emoticon








เคืองสิ่งที่ซารุแพนด้าถือ =3=



มิสเตอร์แท็กซี่ถ่ายมันทุกรูปจริงๆ
หล่อนไม่เคยหวั่น
เพราะอกหักจากลุงจ้อนก็เลยไม่มีอารมณ์ปั้นหน้ายิ้มแย้ม Monkey Emoticons Ciciกร้ากกกกกกก เป็นเรื่องเป็นราว



ฝากรูป


ปุริ
เห๊ย Monkey Winksไม่ใช่ละ ตบตัวเอง
อันนี้ตะหาก
v
v
v
v
v









Monkey Winksน่ากลัวอ่ะ
โคว่ายยยยยยยยยยยยยยย





19 สิงหาคม 2554

taka-jane Family Tree + เมื่อคราววันเกิดไดจี้













....................................

เมื่อคราววันเกิดไดจี้
อิพี่เจนก็มีของขวัญให้น้องด้วยนะ








ฮาชี่น้อยวะ
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก




ปฏิบัติการณ์ร้าวฉานสองโตะ

สองโตะหมายถึง???
สองโตะเป็นญาติฝ่ายซ้ายของสองเคย์

ถ้าเอาสองลัทธินี้มาออสโมซิสกันก็จะได้ - สองเคย์โตะ










ปล...น้องเม่นอย่าไปสนใจลูกเขยพี่คะ
เดี๋ยวพี่บอกให้อิบุมารับน้องริวกลับบ้านเองไม่ต้องห่วง
สนใจเคย์ไดต่อเถอะ หึๆ



...................................................................













ยำฟิกภาพ



มาดูกันจิ๊ว่า...สาวไดของชายพูดอะไรมั่งเอ่ย



ฝากรูป


ไดจี้บอกว่า เห็นด้วยกับชายเป็นที่สุด
จูจ๊วบๆ




.....................................................................................











มี๊บอกแล้วว่าอย่าขัดใจน้อง




...........................................................................................







อิเม่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ตบ ตื๊บ กระทืบ หักหนามเม่นทิ้งขยะเปียก



.....................................................................................................









ชี่น้อย แร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง






..........................................................................................





ข่าวสำนักข่าววายรายงานว่า
น้องเม่นรู้สึกกระวนกระวายใจ
ที่โดนน้องริวทิ้งให้อยู่คนเดียว น้องเม่นก็รอแล้วรอเล่า
จนกว่าจะครบหกเดือนน้องริวจะกลับมา(แกรู้ได้ไงเจน???)(อิเจน/กูเดาเอา กูมั่นใจ)





































あたしはジェンです。 ย้ายห้องใหม่ตามสไตล์อีเจน



janeyuyaのブログ


ย้ายห้องใหม่家ตามสไตล์อีเจนチョキ
เหตุผลที่ย้ายอย่ารู้เลย
得意げเอ๊ะ...หรือมีคนอยากรู้
แม่โทรมาบอกว่ามีคนอยากรู้ว่าอีเจนย้ายห้องใหม่ทำไม
โอ้โหแฮะ ช่วงนี้กูฮ็อตโตะเชียว

เหตุผลไม่มีอะไรมาก
อยู่ที่เดิมอึดอัดむっ
จบ!!!

จบคือจบ อย่าถามต่อ เพราะเดี๋ยวอารมณ์ขึ้น
ย้ายแล้วก็จบกันไปเข้าใจนะหอยグードンッ



━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─━─


janeyuyaのブログ



ห้องใหม่สวยดี
ที่สำคัญอยู่ใกล้ที่ทำงาน
ช่วงย้ายมาแรกๆขี้เกียจขึ้นสมอง อิเจนไปทำงานก่อนเวลานาทีเดียว
DASH!แม่ง!!! นิสัยคะอิเจน

ย้ายมาอยู่กันสองคนกับกิ๊บซี่
ย้ายหอหรือย้ายบ้าน にひひเสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาดูด้วย
อนุสรณ์ว่าอิสองคนนี้ย้ายมาแบบเหมือนยกสำมะโนครัวมากันเลยทีเดียว
คือของเยอะมาก (เฉพาะหนังสือของอีเจนคือสี่ลังถ้วนガーン ไม่นับอีกสี่ลังที่ทิ้ง)
ジーンズเสื้อผ้าขนาดเก็บทิ้งบ้างแล้วยังไม่วาย
เสื้อผ้าเก่าๆก็อยากเอาไปบริจาคอยู่หรอกワンピース
แต่คิดดูว่าเด็กจะมส่เสื้อผ้าเปิดนิดปิดหน่อยของอิสองคนนี้ได้มั๊ย
เออ ที่สำคัญขาดไม่ได้
เงินค่าประกันお金 บวกお金 บวก お金บวก อนุเคราะห์โดยหม่ามี๊เจ้าเก่า
แต่งานนี้โทรไปบกว่ายืม ไม่ได้โทรไปขอ
แต่ชั้นไม่ได้บอกนะว่าจะคืนให้มี๊เมื่อไหร่得意げ
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละเนอะแม่เนอะ ニコニコครุๆ



janeyuyaのブログ