หน้าเว็บ

4 กันยายน 2554

[SF] - ฉันเป็นของเธอ (TakaChii)










ฉันเป็นของเธอ
Takaki Yuya x Chinen Yuri



ยูยะ  หลังจากได้รับข้อความจากริวทาโร่ว่าจะขอปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ เขาก็รีบมาตามสถานที่นัดพบ
แต่ก็ไม่เห็นใคร นอกจากชายหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
“ทาคาคิ ยูยะ คู่หมั้นของริวทาโร่ใช่หรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้น
“อดีตเท่านั้นครับ คุณรู้จักริวทาโร่ด้วยเหรอ แล้วนี่เขาอยู่ไหน”
เขาถามกลับพร้อมกับมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทางภูมิฐานฐานะคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขา รูปร่างหน้าตานั้นก็ยังดูดี สุภาพเรียบร้อย ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยใดๆเสียด้วยซ้ำ
“ผมเป็นเพื่อน ที่อาสาเอาแหวนหมั้นมาคืนคุณเท่านั้นแหละครับ”
ชายหนุ่มผู้นั้นยื่นกล่องกำมะหยี่เล็กๆให้ยูยะ พอเปิดดูพบว่าเป็นแหวนสีขาวฝังพลอยรูปหัวใจ
ยูยะยิ้มและรับกล่องเล็กคุ้นตามาถือไว้ นึกรู้โดยสัญชาตญาณว่าชายหนุ่มตรงหน้ากว้างขวางมิใช่น้อย เนื่องจากแหวนวงนี้เป็นแหวนหมั้นที่เขายกให้ริวทาโร่เป็นคนเก็บเอาไว้เมื่อพวกเขาถอนหมั้นกัน
“คุณรู้ใช่มั๊ยว่าผมกับริวทาโร่หมั้นกันทำไม”
ยูยะถามหยั่งเชิง และก็ได้คำตอบดังที่คิดไว้
“ผมรู้เมื่อคืน”
ทั้งๆที่ถอนหมั้นกันมาเป็นปี ยูยะถอนหายใจกับความปากแข็งของริวทาโร่ เขาเตือนตั้งนานแล้วว่าให้บอกแฟนได้แล้วว่าที่หมั้นกับเขาเพราะแค่ลองใจอีกฝ่ายเท่านั้น
“ผมคงดูไม่ผิดใช่มั๊ยว่าคุณรักน้องชายของผม....จริงๆ”
ยูยะถามเพื่อให้แน่ใจ อีกฝ่ายขยับตัวตรง ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากนั้น แต่ก็พยักหน้าน้อยๆอย่างไว้ท่า
“เรื่องเรียนต่อของเขาเอาเป็นว่าผมจะจัดการต่อเอง คงไม่ต้องรบกวนทางคุณอีกต่อไป...โอคาโมโตะ เคย์โตะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มผู้นั้นเดินจากไปแล้ว ยูยะยังมองกล่องแหวนในมือยิ้มบางๆ เขาดีใจที่น้องชายของเขามีคนดูแลที่เจ้าตัวเองเต็มใจให้ดูแลเสียที ทั้งที่แต่ก่อนเขาและริวทาโร่ตัวติดกันเสียจนพี่สาวเคยแซวเอาบ่อยๆว่าสองคนนี้คงไม่แคล้วกันและกัน 
แต่ก็มีเขาทั้งสองคนนั่นแหละที่รู้ตัวในที่สุดว่าต่างก็ไม่เคยรักกันในเชิงชู้สาว
ทั้งหมดแค่ความผูกพันของคนที่โตมาด้วยกันก็เท่านั้น
ร่างสูงยกกล่องกำมะหยี่น้อยขึ้นมาจูบลงแผ่วเบา นึกถึงหน้าน้องก็ยิ่งยิ้มดีใจไปด้วยที่ต่อไปจะได้มีความสุขกับเขาเสียที
ไม่ได้รับรู้เลยว่าอีกด้านของตัวบ้านมีคนยืนกำมือแน่นมองภาพเมื่อครู่อย่างโกรธแค้น
“ตีสองหน้า โกหกว่าออกมาคุยโทรศัพท์เรื่องงาน ที่แท้ก็นัดส่งของแทนใจกับคู่หมั้นเก่า พี่จะได้เห็นความร้ายกาจของผมบ้าง ยูยะ”
ร่างเล็กขบกรามแน่น จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเองให้เจ็บสมกับที่ในใจมันเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว น้ำตาที่หลั่งลงบนหน้าเนียนด้วยความคั่งแค้น ในใจหมายมาดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเชื่อใจยูยะ ทาคาคิ!!!!!
ใครเลยในบ้านนี้ ในโลกนี้  ที่มองไม่ออกว่าเขารักน้องชายของแม่เลี้ยงสาวคนนี้มากแค่ไหน เขาตามรักตามมองอีกฝ่ายสนิทสนมคุ้นเคยกับโมริโมโตะ ริวทาโร่อย่างเจ็บปวดมากขนาดไหน 
เขารู้ว่ายูยะไม่ชอบที่เขาเอาแต่ใจ อารมณ์ร้ายกับทุกคนในบ้าน แต่เคยมีสักครั้งมั๊ยที่เขาจะมองลึกเข้าไปว่าความเอาแต่ใจและอารณ์ร้ายๆที่เขาแสดงออกมา....มันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากใคร!!!!!
ร่างเล็กได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจจนแทบจะทนไม่ไหวไว้ในอก
เขาเคยยอมให้ริวทาโร่ครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอ่อนแอบอบบาง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้เห็นด้วยตาตัวเองว่าริวทาโร่ไม่ได้รักยูยะแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาทำนะเหรอ ถ่ายคลิปร่วมรักของมันกับผู้ชายที่เดินออกไปเมื่อครู่ไปขู่ให้ถอนหมั้นไงหล่ะ...








……………………………………………………………..



ยูยะเดินเข้ามาในบ้านกวาดสายตาคมมองหาเจ้าตัวเล็ก ลูกชายตัวแสบของพี่เขยอายุคราวพ่อที่เมื่อครู่ยังนั่งเล่นเกมส์พิงหลังเขาอยู่เลย
“คงดีใจจนเนื้อเต้นสินะ ที่คู่หมั้นเก่าส่งของมาออดอ้อน”
ยูยะถึงกับสะดุ้ง เพราะเขามัวแต่คิดว่าเจ้าตัวอาจจะเข้าไปหาอะไรกินในครัว จนลืมนึกว่าเจ้าตัวแสบอาจจะตามเขาออกไปข้างนอกก็ได้
“ขวัญอ่อนจริงนะ มานี่”
ร่างเล็กแต่มีแรงมากอย่างเหลือเชื่อ กระชากแขนใหญ่ให้เดินตามไป
“นี่มันเรื่องอะไรกันหน่ะยูริจัง”
ยูยะบิดข้อมือเพียงเล็กน้อยเขาก็หลุดออกจากการจับกุม มือใหญ่ตวัดคว้าต้นแขนเล็กรวดเร็วประดุจสายลม จับไว้มั่นเพื่อจะเค้นถามกับการกระทำอันอุกอาจของเจ้าตัวน้อยที่เขาไม่เคยพบด้านนี้มาก่อน
“นี่ปล่อยนะ”
ยูริตะโกนใส่หน้าคนตัวใหญ่กว่าอย่างขาดสติ แค่ที่เขาเฝ้ามองเฝ้ารักอย่างเงียบๆคงจะไม่ทำให้รู้ตัวสินะ 
ไม่รู้ตัวหรือไม่อยากรู้ตัวกันแน่...?
เคยยื้อใจคนตรงหน้าไว้กับตัวเองบ้างหรือเปล่าเขายังไม่รู้เลย เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง 
เหมือนวิ่งไล่ตามเงาของตัวเอง ไม่ว่าจะวิ่งเร็วเท่าไหร่ เงาก็จะยิ่งออกห่างมากขึ้นเท่านั้น เหมือนเขารักอยู่เพียงฝ่ายเดียว เพราะอีกคนนั้นไม่เคยยอมเป็นเงามื้อเที่ยงให้เขาได้จับตัวได้เสียที
“ขาดมันไม่ได้นักหรือไงห๊ะ รักมันหลงมันขนาดถอนหมั้นกันเป็นปีแล้วยังจะอาลัยอาวรณ์อีกนะ ลีลาคงถึงใจมากละสิ...อ๊ะ”
พูดได้แค่นั้นแหละ เพราะร่างสูงผลักเขาออกจากตัวราวกับเจอของแสลง ดี...ไม่เคยเจอยูริในภาคแบบนี้ใช่มั๊ยคุณน้าเลี้ยง 
“แตะต้องไม่ได้เลยนะกับริวจังของพี่ แตะต้องไม่ได้เลยใช่มั๊ย...”
“ยูริ หยุด”
“ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็ตอแหลชัดๆ จริงๆคิดถึงมันอยากได้มันใช่มั๊ย”
ร่างบางยังตวาดใส่ทั้งน้ำตาอาบหน้า เส้นความอดทนมันคงถึงที่สุดแล้วจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นยูริที่หัวอ่อนและว่าง่ายของพี่ยูยะเสมอนะซิ หึ...เพราะรักเลยแสร้งเชื่อฟัง เพราะอยากให้รักถึงได้แสร้งเรียกร้องให้อีกฝ่ายสนใจ แล้วเขาเจอกับอะไร?? ยูยะที่อยู่กับริวทาโร่และเห็นเขาเป็นเพียงน้องชายเท่านั้นนะเหรอ?
“ทั้งๆที่พี่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมคิดยังไง ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ละยูยะ ทำไมช่วยตอบผมที พี่รักผมไม่ได้เลยเชียวเหรอ?”
ร่างสูงนิ่งอึ้ง ใช่เขารู้อยู่เต็มอก แล้วทำไมถึงเป็นยูริไม่ได้?
“ไปตายซะไอ้สารเลว”
เมื่อถึงขีดความอดทน ยูริก็คว้าไม้เบสบอลที่ตั้งโชว์อยู่ตรงหน้าโต๊ะวางทีวี ฟาดเข้าที่ศีรษะของชายหนุ่มเต็มแรงอย่าโกรธจัด จริงๆ แค่นี้พี่เจ็บเท่าที่ผมเจ็บหรือยัง?








ยูยะได้แต่มองร่างน้อยที่เดินสะบัดหน้าจากไปทั้งเลือดที่ไหลเกือบจะเต็มสองตา 
ก่อนร่างนั้นจะเลือนหายไปจากสายตาและสติจะดับวูบ เขาได้แต่คร่ำครวญอยู่ในอกคนเดียว พี่เจ็บคนเดียวไม่ได้ใช่มั๊ย? เพราะสิ่งที่พี่ตัดสินใจมันทำให้นายต้องเจ็บไปด้วยสินะ 
ที่ผ่านมารู้อยู่เต็มอกว่าลูกเลี้ยงของพี่สาวรักเขา แต่ด้วยคำว่า”ครอบครัว”ที่เขาไม่อาจจะทำลายมันได้ ครอบครัวที่เขาไม่เคยมีและรู้ว่ามันสำคัญมากขนาดไหน พี่สาวพี่เขยจะรับได้มั๊ยกับความรักที่ผิดทั้งศีลธรรมและยังเป็นเพศเดียวกันแบบนี้........ก็ได้แต่ทำตัวเหมือนไม่รับไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ไม่คิดว่ายูริจะยึดมั่นกับเขามากมาย
“เพราะพี่รักนาย อยากเห็นนายมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ต้องมาเป็นเด็กกำพร้าเหมือนพี่ไงยูริ...”











“ป๊ะป๋า หนูจะกลับบ้าน!!!!  เรียกรถพยาบาลมารับศพน้องชายหม่าม๊าด้วย แค่นี้นะครับหนูยังไม่พร้อมจะเล่าอะไรในตอนนี้ หนูเหนื่อย”
ยูริก้าวเท้าออกนอกบริเวณบ้าน เดินไปเรียกแท็กซี่จุดหมายคือสนามบิน ทิ้งร่างที่ยังคงมีลมหายใจของผู้ชายที่รัก ยังรัก เต็มหัวใจ .... ทั้งน้ำตา





...................................................................................................................................


6 เดือนต่อมา
ยูริที่กำลังนั่งเล่นเกมส์กับเพื่อนสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดก็ให้ความสนใจจนเห็นว่ามีชายหนุ่มผมทองเป็นสารถี พาร่างสูงของคนที่เขาเคยทำร้ายไว้มาส่งให้ถึงหน้าบ้านตอนเช้าตรู่ จู่ๆอาการหงุดหงิดของเขาก็ก่อตัวขึ้นทั้งๆที่คิดว่าตัวเองคงตัดใจจาก”คุณน้า”ได้แล้ว
ยูยะยิ้มหวานและโบกไม้โบกมือลาโดยไม่นึกว่าการกระทำนั้นจะทำให้อีกคนตาลุกวาบด้วยความโกรธปนหึงหวง จนเรียวสุเกะที่นั่งอยู่ข้างกันยังแขยง
“มันเป็นใคร”
กัดฟันแน่นถามออกไป พี่ไม่มีสิทธิไปยิ้มให้ใครนอกจากผม
 ยูยะไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่มองด้วยแววตาเฉยชาและเดินผ่านไป
“ถ้าไม่คิดจะทักกัน ก็ไม่ต้องมาที่บ้านผมอีก”
ยูยะถอนหายใจและไม่สนใจทำพูดเล็กๆนั่น เรียวสุเกะได้แต่นั่งมองและยกไม้ยกมือห้ามทั้งคู่แทบไม่ทัน
สำหรับยูยะถึงจะโกรธแค่ไหนก็คงไม่ทำร้ายอีกฝ่าย แต่เพื่อนเขานี่สิที่เป็นตัวปัญหา ยูริยามโกรธนั้นไม่สนุกเลยที่จะไปต่อกรด้วย
“ที่พูดด้วยไม่ได้ยินหรือไง ยูยะ ทาคาคิ”
ร่างเล็กเขวี้ยงแก้วน้ำตรงหน้าไปกระแทกไหล่ยูยะเต็มแรง เพื่อดักหน้าอีกฝ่ายไว้
“พี่ไม่รู้จักนาย ยูริที่พี่รักไม่ใช่คนแบบนี้”
เสียงเย็นเยียบนั้นค่อยๆเน้นความที่พูดออกมาหนักแน่น จนยูริถึงกับอึ้ง ครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยินคำว่ารักจากปากนี้ และดูจากแววตาเรียบเฉยนั้นแล้วเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาทำไปได้ทำลายคำว่ารักที่เขาควรจะได้นั่นไปเกือบหมดแล้ว
“คนอย่างนายมีสิทธิ์เรียกร้องความสนใจด้วยเหรอ?”
ยูยะเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ รู้ตัวดีว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อไปเขาอาจจะทำร้ายอีกฝ่ายอย่างพลั้งมือเป็นแน่ แน่นตรงหัวไหล่ที่ถูกแรงปะทะของแก้วน้ำอันโต ยังไม่เท่าเจ็บที่ใจตอนพูดจาทำร้ายอีกฝ่ายเลย...
ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากเขาเดินจากมาแล้วร่างนั้นทรุดตัวลงร้องไห้ให้เขา...เหมือนทุกครั้ง...อย่างอ่อนแอ










...............................................................................

ร่างเล็กที่ก้าวเข้าไปที่เตียงนุ่มเหมือนจะเข้าไปทักราตรีสวัสดิ์ธรรมดา แต่แล้วกลับดึงมีดยาวขาววับชูชันขึ้นเหนือศีรษะ แล้วจ้วงแทงลงไปยังร่างที่นอนอยู่เบื้องล่างโดยไม่นับ
ชายตัวใหญ่ลืมตาโพลง สะอื้นฮักออกมาจากในลำคอ เมื่อเห็นโครงเค้าหน้าน้อยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั่นชัดๆ ร่างเล็กเขวี้ยงมีดลงบนพื้นพรหมเต็มแรง และคว้ากรรไกรด้ามยาวนึ้นมาหลับตาแน่นค่อยๆกดลงไปที่ท้องน้อยของตัวเองสีหน้าทรมาน
“ยะ อย่า อย่าทำ....ยูริ”
เหยื่อได้แต่ร้องห้ามไม่ให้คนร้ายทำร้ายตัวเองโดยไม่สนใจถึงลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วงของตัวเอง 
ยูริหันมายิ้มฝืนๆให้ผู้ชายที่โดนแทงไม่ยั้งที่ยังมีแก่ใจห้ามเขา แล้วกระตุกมือจ้วงลงไปที่หน้าท้องครั้งเดียวมิดด้าม
สะดุ้งเฮือก
มือใหญ่ไขว่คว้าจะรองรับเอาร่างน้อยที่โอนเอนจะล้มหงายหลัง และดิ้นรนด้วยแรงเฮือกสุดท้ายคว้าไว้ได้  และกอดเอาไว้อย่างแสนรัก
“พี่รู้ใช่มั๊ยว่าทั้งหมดผมเป็นคนทำ”
เสียงแหบนั้นเล่าเรื่อยๆเหมือนเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันให้เพื่อนฟัง
“ผมขู่ว่าจะฆ่าโมริโมโตะ เพื่อให้คู่หมั้นเขาถอนหมั้น และเป็นคนขับรถชนคู่หมั้นเขาจนเป็นเจ้าชายนิทรา”
มือใหญ่ลูบข้างแก้มเล็กๆสอดเข้าไปสัมผัสขากรรไกรเนียน ใบหน้าขาวซีดแทบจะไร้สีเลือดโน้มปากที่ยังคงพูดอยู่นั่นมาจูบ ควานลิ้นนุ่มหาความหวานของอีกฝ่ายอย่างต้องการบอกให้พอ
ยูยะถอนจูบแผ่วเบา ลูบหัวเล็กๆมาซบที่อก
“พี่รู้...พี่...รู้...”
ยูริช้อยสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังจะจากไป พินิจพิเคราะห์ใบหน้าคมคายที่เริ่มหายใจแผ่วเบาเรื่อยๆ น้ำตาคลอที่ต้องตัดสินใจเช่นนี้ แต่เขาหาทางเลือกอื่นไม่เจอแล้วจริงๆ 
ความทรมานจากความรักทำให้เขาเลวถึงขนาดทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างเลือดเย็น ตอนนี้เขาก็ขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการฆ่าคนที่รักให้”ตายตกไปตามกัน” 
ยูยะตายเขาคงอยู่ไม่ได้ และถ้าเขาตาย เขาก็ยอมให้ยูยะก็อยู่ไม่ได้อีกเช่นกัน
“ระ รักนะ ยูริ”
แค่คำว่ารักคำเดียว
อีกคนจะถูกหรือผิด ไม่ว่าคิดจะช่วงชิงลมหายใจของตัวเอง ก็ยังจะรักอยู่ดี


“อืม ผมก็รัก”










รักเธอมากกว่าใครในโลกนี้รวมกัน
และสำคัญเกินกว่าจะยอมเสียเธอไป
เพราะสุดรักสุดหวงถึงเหนี่ยวรั้งเธอไว้
จนหมดลมหายใจ....ก็ยอม

(สุดรักสุดหวง...ใหม่ เจริญปุระ)














2 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชี่น้อยยยย
    โหดร้ายที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    ทำไมถึงจ้วงแทงพุงอิป๋าได้ขนาดนี้ ใจร้ายยยยย

    ขับรถชนลูกเม่นด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ชี่น้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ตอบลบ
  2. กร๊าซซซซซซซซซซซซซ
    ชี่น้อย!!! แทงอิป๋าไม่ว่า แล้วมาขับรถชนอิเม่นได้ไง! T[]T

    ฮ่วย! อิคู่นี้สมควรและ มีอะไรไม่พูดไม่คุย จ้วงแทงกันเลยทีเดียว

    บ๊ายบายนะชี่น้อย ก่อนตายไปปลุกอิเม่นก่อนนะ จุ๊บๆ

    ตอบลบ