หน้าเว็บ

29 พฤศจิกายน 2554

[sf] - กระซิบสวาท (TakaChii)



มันคือชุดเรื่องสั้นที่เอาเพลงมาดัดแปลงเป็นฟิค

เนื้อหาจะอยู่ที่เนื้อเพลงประมาณ 20%

มีทั้งหมด 5 เพลง 5 คู่หลักๆ ใครชอบคู่ที่เรียกว่า"คู่ปกติในจั๊มพ์" อ่านได้แน่นอนคะ

เรท G


................................................................................








เรื่องสั้นชุด
...ฝากรักเอาไว้ในเพลง

V.1 กระซิบสวาท (TakaChii)

"เธอร้อนอารมณ์ พะวงหลงตรมเสียก่อน
แหมชายนะชายแสนงอนเข้าใจฉันรอนหรือนั่น
ผู้ชายอะไรน้อยใจก็เมินไปพลัน ไม่รอให้ฉันจำนรร
ฉันจึงอัดอั้นตันใจ"

"ป๋า...หนูนอนไม่หลับ"

เด็กชายร่างน้อยหอบผ้าห่มทั้งหมอนเต็มอ้อมแขนผอม มาหยุดยืนหน้าเศร้าตรงโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ผู้เป็นพ่ออาศัยไว้ดูบอลยามดึก

ยูยะขยับตัวเล็กน้อย เมื่อร่างเล็กนั้นเดินเข้ามาซุกตัวเอาศีรษะพาดบนตักกว้าง มือที่เอื้อมจะโอบร่างนั้นเข้ามาอย่างเคย ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อไพล่คิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน

"ป๋า...ลูบหัวหน่อยสิ"

เสียงอ้อนติดเจือง้องอนน้อยๆแถมมาด้วยดวงตาดำขลับที่คุ้นเคยแหงนเงยมาอ้อนวอน

เขาจะทำอะไรได้นอกจากใจอ่อนยวบยาบเป็นเหล็กแข็งลนไฟ

การใช้เวลาทบทวนความสัมพันธ์เงียบๆและให้เหตุผลกับตัวเองว่าการคบกันแบบนี้เหมาะหรือไม่เหมาะเช่นไรนั้น เมื่อคิดไปว่าถ้าขาดร่างน้อยนี้ไปจะอยู่ได้ไหม จารีตประเพณีอะไรก็ดูจะไม่มีความหมายไปในทันที เขาขาดสังคมได้แต่ขาดเด็กคนนี้ต่างหาก ไม่ได้!!

สัมผัสเปียกชื้นซึมผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงนอนขายาว ทำให้ยูยะสะดุ้งจากพวัง

"เป็นอะไรไปหือ? ตัวเล็ก..."

มือหนาค่อยๆสอดเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม แล้วไล้ไปมาเป็นการปลอบประโลม แต่แทนที่คนบนตักกว้างจะพูดจา กลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้หนักเหมือนสุดจะกลั้น ยูยะยิ้มเอ็นดูลูกชายตัวเล็ก

"น้อยใจเหรอ..."

แย้มยิ้มล้อเลียนและได้รับฝ่ามือเล็กๆที่ต้นแขนเป็นรางวัล แทนที่จะได้เรื่อง แต่ใบหูแดงระเรื่อนั่นก็น่ารักเสียจนผู้เป็นพ่อถึงกับเพ้อ

"แล้วไม่รู้หรือไงว่าป๋าก็หึงก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน หัวใจมันเจ็บจังนะที่รู้จากปากใครก็ไม่รู้ว่าลูกชายเราแย่งแฟนคนอื่น"

ถึงจะพูดยิ้มๆ แต่แววตาก็แสดงให้เห็นชัดว่าเจ็บมากขนาดไหน

"ป๋าอ่ะ ป๋าอ่าาาา"

ร่างเล็กๆออดอ้อนซุกไซร้ไปทั้งน้ำตาเหมือนเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษสง แต่ใครจะรู้ดีเท่าเขาผู้เลี้ยงมากับมอว่าพอลับหลังแล้วลูกชายคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน

"ไม่ต้องมาเรียก บอกป๋ามาว่าหนูเป็นอะไร"

จูบริมฝีปากได้รูปร่างเจื้อยแจ้วนั่นอย่างแสนรัก มือใหญ่เช็ดน้ำตาที่คลอหน่วยให้อย่างอ่อนโยน

"ก็ป๋าไม่ยอมพูด" =3=

"แล้วหนูพูดกับป๋าไหมหล่ะ"

อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกรั้รๆของคนชอบคิดไปเองคนเดียวที่ทำปากจู๋ด้วยอารมณ์หมั่นเขี้ยว เจ้าตัวเล็กขยับยุกยิกครางเบาๆในลำคอ

"ก็ป๋าโกรธด้วยอ่ะ" T^T

"นี่เหรอที่ทำให้ร้องไห้"

"ก็...ก็..."

"ก็อะไร"

ปิศาจน้อยของยูยะอ้ำอึ้งอยู่นาน แต่ก็ต้องร้องตกใจเมื่อยูยะยกตัวขึ้นมาอย่างไวแล้วสวมกอดรัดจากข้างหลังแน่นไปกับอก

"ก็อะไรหือ..."

"ก็หนูไม่อยากให้ป๋ารู้นี่ว่าข้างนอกหนูร้ายกาจมากขนาดไหน ถ้าป๋ารู้ป๋าจะดุหนูใช่ไหมหล่ะ หนูไม่อยากให้ป๋าไม่รักหนู หนูไม่ชอบ"

มือหนาลูบหัวทุยเบาๆ ทำให้เจ้าตุวน้อยของเขาพลิกตัวมาประจันกันแล้วโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อและปล่อยโฮลงมาอีก

ได้แต้ทอดถอนใจช้าๆ รู้ตัวว่าหลงกลตกลงไปในหลุมรักขนาดมหึมาเข้าทั้งใจ เขานี่แหละผิดที่รักมากเกินไปจนดุไม่เคยลง ลูกชายถึงได้กลายเป็นเด็กร้ายกาจได้ขนาดนี้

"แล้วคิดว่าป๋าเป็นใครฮึ...ยูริ...เราเพิ่งจะรู้จักกันเหรอป๋าถึงจะไม่รู้ว่านิสัยหนูเป็นยังไง"









"จึงฝากลมพาพัดใจฉันมาซ่อนไว้ใต้หมอน
เมื่อเธอซบหน้าแนบนอน ได้ยินที่หมอนกระซิบบ้างไหม"

ร่างบางๆนอนกอดหมอนอิงหลับใหลอยู่บนตัวเขาซึ่งนั่งดูบอลจนจบแม็ตแล้วจึงได้รู้สึกตัวว่าเสียงแจ้วๆข้างตัวนั้นเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ยูยะยกศีรษะเล็กออกจากตักนุ่ม ทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้นห้อง มองใบหน้าเรียวสวยนั้นอย่างนึกรัก จนไม่รู้ว่าจะรักมากไปกว่านี้ได้อย่างไร

ชายหนุ่มเดินไปปิดทีวีเสีย ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบางไปส่งให้ถึงห้องนอน เจ้าตัวดีก็ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ จนอดจะหึงไม่ได้ว่าถ้าเป็นใครแตะต้องร่างน้อยตอนนี้ก็คงจะไม่ขัดขืนเช่นเดียวกัน

คงเหนื่อยกับอะไรหลายๆอย่าง

คุณพ่อลูกหนึ่งสรุปอาการของเจ้าตัวเล็กของตัวเองในใจ

ขนตายาวงอนสวยจนคนมองนึกชื่นชมกับความงามตามวัยนั้น พอมองหน้านิ่งๆแล้วมองไม่ออกเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือคนเดียวกับคนที่ยืนยิ้มเยาะให้ผู้ชายสองคนทะเลาะกันแล้วอีกคนวิ่งหนีไปจนโดนรถชน

ปิศาจร้ายในคราบเด็กหนุ่มรูปงาม

ยูยะคลุมผ้านวมให้ลูกชายเบาๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากโค้งมน ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไป











ลูกชายของยูยะลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยข้างเตียง เอื้อมกดรับทั้งที่ยังงัวเงีย

"ยูริ ทำยังไงดี ยาบุยังไม่ตื่นเลย หมอบอกว่าสมองกระทบกระเทือนหนักมาก"

ปลายสายบอกออกมารัวเร็วด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"นั่นมันเรื่องของพวกพี่ผมไม่ใช่หมอคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก"

"แต่นายเป็นต้นเหตุ"

"ผมไม่ได้ขับรถชนเขานี่พี่ฮิคารุ พี่คงลืมไปแล้วว่าแฟนพี่เป็นคนเข้ามาจีบผมเอง ผมก็แค่คนกลางที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้นแหละ อ้อ...อีกอย่างเลิกเรียกชื่อผมแบบตีสนิทนั้นเสียที สะอิดสะเอียน"

มือเล็กวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆตัวและหลับตาลงอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องดีดตัวขึ้นด้วยเป็นห่วงกลัวผู้เป็นพ่อต้องลำบากขึ้นมาตามไปทานข้าวเช้า

สงสัยป๋าเป็นคนอุ้มเขาขึ้นมานอน ยูริยิ้มเพราะคิดได้ว่าป๋าก็ยังคงเป็นห่วงเขาอยู่ ชีวิตนี้เขามีแค่ป๋าคนเดียวยูริก็ไม่ต้องการใครคนไหนอีกแล้ว ถึงแม้ป๋าจะดูอ้วนกว่าแต่ก่อนก็เถอะ แต่สามารถอุ้มเขาที่น้ำหนักเกินสี่สิบกิโลกรัมขึ้นมายังห้องนอนได้นี่ถือว่ายังแข็งแรงเตะปิ๊บดังอยู่นะเนี่ย ยังไม่แก่เลยนิป๋าเรา

แช่น้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าขอเข้าไปอ้อนป๋าสักดอกก่อนออกไปมหาลัย แต่กลับเห็นผู้เป็นพ่อนอนหลับตะแคงหน้าหล่อเข้มเข้ากับหมอนบนโซฟาสีน้ำตาลตัวเดิม

อาหารเขาหล่ะ?...ไม่มี

ป๋าหลงลืมหน้าที่ใหญ่แล้ว

ยูริเคยคิดว่าพ่อของเขาทำไมยังไม่แก่เลย ป๋าไม่เคยบอกว่าแม่คือใครป๋าไม่เคยให้ยูริดูสูติบัตร ป๋าบอกยูริแค่ว่ายูริเป็นลูกป๋า ยูริเชื่อใจป๋า เพราะป๋าของยูริใจดี เป็นคนดี แล้วป๋าก็รักยูริมากเท่าที่เด็กติดพ่อคนหนึ่งจะเรียกร้องจากพ่อเขาได้

แม้กระทั่งยามหลับป๋าก็ยังหล่อ หล่อจนหวาดระแวง ยาบุ โคตะ รุ่นพี่ที่พยายามเข้าทางยูริเพื่อให้ได้พบป๋า

ยูริเอื้อมปลายนิ้วไล้เบาๆระหว่างคิ้ว มองใบหน้าที่มีไรหนวดน้อยไนั้นอย่างชื่นชม ก้มจมูกลงไปสัมผัสแผ่วกับสันจมูกโด่งอย่างลืมตัว

ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไรอีกแล้วกับความรู้สึกที่ตัวเองมีให้กับผู้ชายที่เรียกว่า"ป๋า"

เพราะรู้ตัวมานานแล้ว



"กระซิบเบาๆ หัวใจสองเราเคล้ามั่น
ฉันเองรักเธอเหมือนกันเฝ้ารอสัมพันธ์ดังก่อน
หลับตาไม่ลงพะวงแต่เธอยามนอน คร่ำครสญให้หวนอาวรณ์
หัวใจคอยอ้อนอิงเธอ"




END ........................................







25 พฤศจิกายน 2554

[sf] ai no matador [KeixDai]


 จะบอกว่า
เรื่องนี้ไม่ลงจากเตียงเลย
จบประเด็น

เด็กๆไม่ควรอ่าน แต่ก็ตรวจบัตรประชาชนทุกคนไม่ได้อยู่ดี

ใช่วิจารณญาณเองเถอะ (เลววววว)



..........................................



ai no matador [KeixDai]






สองร่างที่สอดประสาน กลมกลืนจนแทบจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ความรู้สึกผู้กระทำและผู้ถูกกระทำนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฝ่ายหนึ่งกอดรัดร่างน้อยเพื่อดับเพลิงราคะที่กำลังโหมกระหน่ำ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ผลักไสร่างที่เหมือนปิศาจร้ายให้ออกจากตัว

คนหนึ่งระเบิดความสุขสมพร้อมกับความกำหนัดเข้าใส่อีกคนที่กำลังเจ็บร้าวไปทั่วร่าง ร่างนั้นยังคงกระแทกกระทั้นต่อไปเหมือนไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย ไม่สนแม้แต่มือเล็กที่ผลักไสและทำร้ายด้วยการข่วน หยิก หรือทุบ จริงๆคือไม่ได้ให้ความสนใจด้วยซ้ำว่าคนๆนี้จะได้รับความสุขสมหรือไม่

เพราะเป็นของเขา

และต้องอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น...


"สัมผัสมันสิ"
เคย์สั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ถอดถอนกายผงาดตรงหน้าคนสวยที่เปื้อนไปด้วยคราบคาว

"บอกให้จับไง!!!"
ร่างสูงตะคอกเสียงขุ่น เมื่อไม่ได้รับการตอบรับดีเท่าที่คาดหวัง มือเล็กสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องเคลื่อนไปตามความยาวของเจ้าหนูน้อยแผ่วๆ มือหนาตะปบลงที่ข้อมือบางจับมาวางไว้ที่ส่วนนั้นแรงๆ

"เคย์ รอก่อน ฉัน..."

เขาไม่ยอมทำตามคำปฏิเสธที่สายไปของไดกิ และสั่งย้ำน้ำเสียงแหบพร่า

"ทำเดี๋ยวนี้!!!!!"

ความรวดร้าวในดวงตาที่สื่อออกมาทำให้การต่อต้านของไดกิพังทลายเป็นผุยผง ร่างน้อยรวบสิ่งนั้นด้วยสองมือและค่อยๆก้มหน้าลงไปทักทายหยอกเย้าทั้งๆที่น้ำตายังคงนองหน้า ได้ยินเสียงครางนุ่มหู สองมือของเคย์ลูบไล้โลมเร้าไปทั่วทั้งร่าง เลื่อนลอยไปตามสีข้าง หน้าอก ก่อนจะไปกอบกุมสะโพกหนั่นเนื้อขยำตามแรงอารมณ์

ไดกิรัดแขนรอบไหล่กว้างของชายคนรักก่อนจะยกสะโพกขึ้นอย่างเต็มใจ ทำให้ส่วนเร่งเร้านั้นได้สอดใส่เข้าไปในตัวเขาเต็มที่ ฝังลึกลงไปในความอบอุ่นเชื้อเชิญอย่างชำนาญ

มันทำให้ไดกิเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่

แต่เป็นความเจ็บปวดที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อเขาเริ่มขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกายหนักแน่น

"ไม่ได้ทำกันแค่สามวัน ดูเหมือนนายยังคงทนได้อยู่นะ หรือมีใครมาปรนเปรอให้ถึงที่อีกหล่ะ"
เคย์พูดเสียงบาดหู แล้วค่อยๆเพิ่มจังหวะการรุกล้ำอย่างสม่ำเสมอ กระตุ้นเร้าให้คนใต้ร่างไปถึงจุดสุดยอด ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใกล้เข้าไปทุกขณะ จนกระทั้งแรงปรารถนาของทั้งคู่ระเบิดไอรักออกมาด้วยความกระสันซ่าน จนไดกิร่างสะท้านเยือกอีกครั้ง

และอีกครั้ง

........

เรื่องราวของคนสองคนมันอาจจะเป็นได้เพียงนิยาย

นิยายรักที่สวยหรูที่สองคนร่วมกันถักทอขึ้นมาด้วยความเข้าใจ

เคย์เป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยที่รอวันสำเร็จการศึกษา ส่วนไดกิทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผับแห่งหนึ่ง ถามว่าคนสองคนเชื่อใจกันมากแค่ไหน? เคย์กับไดกิตอบได้เลยว่า"มาก"

แต่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่มีใครคาดฝันมาก่อน ทำให้เคย์ต้องเปลี่ยนไป

ในวันรอรับใบปริญญา
เคย์รีบวิ่งเข้าไปเช็คชื่อที่มหาลัย และหวังจะรีบกลับมากล่อมไดกินอนเช่นทุกวัน
แต่ภาพที่คนรักของตัวเองร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของทาคาคิ ยูยะ ทำให้หัวใจของเคย์ชาวาบไปทั้งดวง เมื่อคิดว่าไดกิแอบพาผู้ชายคนอื่นเข้ามากกกอดกันลับหลังเขากี่ครั้งแล้ว

เคย์แทบจะฆ่าทาคาคิให้ตายลงไปตรงนั้น แต่เมื่อมันสุขสมใจแล้วหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเยาะ เขาก็ตัดสินใจแค่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ

หมดแล้วความเชื่อใจที่เคยให้กัน
หมดลงเพราะใคร

เคย์เปลี่ยนความรัก ความทะนุถนอมของตัวเองเป็นความแหนหวงอย่างรุนแรง
ไดกิได้แค่เพียงโถมตัวกอดร่างสั่นเทาของเขาไว้ในขณะที่ชายชู้เริงร่าเดินอาดๆออกไปจากคอนโด

มันจะไม่เสียดแปลบที่ใจอย่างนี้ากมายถ้าเขาจไม่รักไดกิมากเหลือเกิน เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะยอมทำอะไรก็ได้ อะไรที่ไดกิต้องการ เขายอมมันแล้ว ขอเพียงอย่าไปจากกัน...


....................

เคย์ถอดถอนกายออกจากร่างอ่อนเปลี้ย และล้มตัวลงไปนอนด้านข้าง ไม่มีการจูบ หรืออ้อมกอดที่ปลอบประโลมในการกระทำอันป่าเถื่อนของเขา

ไดกิหลบตาลงช้าๆ คับแค้นใจในชะตากรรมของตัวเอง น้ำอุ่นๆในดวงตาพาลจะไหล ผิวขาวๆมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ จากการขบกัดและบีบรัดด้วยมือ

เจ็บ จนไม่รู้จะเจ็บมากไปกว่านี้ได้อย่างไร

ความเจ็บปวดทางร่างกาย ไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่หัวใจดวงน้อยเมื่อสำนึกได้ว่า "เขาเปลี่ยนไป" จนสุดกู่

เสียงสะอื้นเบาๆทำให้เคย์ปรือตามองอย่างเกียขคร้าน ร่างกายของเขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและต้องการพักผ่อ นอย่างหนัก

"ไปอาบน้ำสิ เหม็นคาวชะมัด..."

ถ้อยคำที่ทำร้ายความรู้สึกของไดกิ ทั้งที่แต่ก่อน เคย์ไม่ใช่หรือที่จะเป็นคนรีบลุกขึ้นไปหาน้ำอุ่นมาคอยเช็ดตัวคนรักอย่างทะนุถนอม

แต่ร่างเล็กก็ได้แต่ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุม กัดฟันเดินไปชำระคราบคาวที่ไม่ถูกใจชายคนรัก เพราะถ้าหากขัดใจ เคย์ในตอนนี้กล้าทำร้ายเขาทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ คนที่จะเจ็บตัวก็คือตัวไดกิเองคนเดียว

พยุงร่างมาทรุดลงได้กับพื้นห้องน้ำ พยุงตัวขึ้นมาหน้ากระจกแล้วถามตัวเองว่า...เขาผิดเหรอ?

ในเมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นแขกของที่ร้าน และแสดงตัวอย่างชัดเจนว่ารู้จักเคย์ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้ เพราะจนตื่นขึ้นมาพบความเหนียวและคาวอย่างรุนแรงแล้ว เขาก็ไม่พบใครเลย

นึกด้วยซ้ำว่าเคย์ลืมทำความสะอาดให้อย่างเคย

ใครจะคิดว่าจนถึงตอนนี้ เคย์ยังคงเงียบไม่พูดไม่คุย ไม่หัวเราะอีกเลย
และที่แน่ชัดคือ ทัศนคติที่เคย์มีต่อเขาเริ่มเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ความเชื่อใจที่มีให้กันมาตลอดสามปี ไม่มีอีกต่อไป เขาคุยกับใครเคย์จะคิดไปเองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นชู้ของไดกิ

และสุดท้าย เคย์ก็ตัดสินใจไม่ให้เขาคุยกับใครเลย ไดกิไม่รู้ว่าคนรักไปลาออกจากงานให้เขาได้เช่นไร เพราะเขาก็เพียรพยายามจะลาออกแต่เจ้าของร้านก็ยื้อไว้ตลอด แต่การที่เคย์เป็นแบบนี้เจ้าของร้านคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะยังรั้งตัวเขาให้อยู่ทำงานด้วยอีก

บางวันเคย์กลัวไดกิหนีถึงกับจับขังไว้ในห้องน้ำ ใส่กุญแจมือล็อคไว้กับหัวเตียง ถ้าวันไหนไดกิทำตัวให้เคย์ไม่พอใจในความรู้สึกของเคย์ เขาจะโดนมัดทิ้งไว้ทั้งๆที่เปลือยและมีไวท์เบรเตอร์ทำงานสั่นกระตุ้นให้ทรมานตลอดทั้งวัน

เพราะเคย์ตัดสินใจจะเชื่อแล้วว่า "ไดกิมันร่าน..."

....................................................

วันนี้เคย์ไม่ได้กลับบ้านคนเดียว ข้างหลังของเขาคือชายหนุ่มร่างกำยำสองคน ที่พอเปิดประตูห้องนอนของคอนโดหรูของเคย์เข้ามาต่างก็มีแววตาระยิบระยับ เมื่อเห็นร่างเปลือยของไดกิที่หลับใหลคราบน้ำตาเปื้อนหน้าทั้งๆที่มือโดนกางไปผูกเข้ากับกุญแจมือคนละฟากของหัวเตียง

"เอาจริงเหรอเคย์..."

หนึ่งหนุ่มยังคงใจอ่อนเล็กน้อย เมื่อความสงสารมันจุกขึ้นมาบนลำคอเพราะร่างน้อยที่นอนอย่างน่าเวทนาอยู่บนเตียงนี้มีขนาดและรูปร่างคล้ายคลึงกับคนรักของเขาอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าอดสะเทือนใจแทนเคย์ไม่ได้

"แกจะไม่ทำก็ได้นะยูโตะ"

อีกหนุ่มพูดเสียงนุ่ม แต่สายตาปรายไปยังร่างนวลน่าลิ้มลองอย่างหื่นกระหาย

ทั้งนี้ทั้งนั้น...เจ้าของบ้านก็ไปนั่งจุมปุกอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปิดทางให้อย่างสบายๆว่างั้นเถอะ

หึ...

เคย์จะหาผู้ชายมาปรนเปรอแฟนตัวเองสินะ ดูก็รู้ว่าสายตาแหนหวงที่ปรายมาอย่างไม่ได้ตั้งใจตอนพวกเขาจ้องมองคนบนเตียงนั้น ว่ารักมากแค่ไหน

รัก...แต่ไม่เชื่อใจ


เคย์ปล่อยให้สองหนุ่มก้าวเข้าไปปลุกเร้าอารมณ์ร่างที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาเฉยชา ในเมื่อไดกิชอบผู้ชาย เขาก็จะหาผู้ชายมาปรนเปรอให้ถึงใจ ไม่ต้องไปหลบๆซ่อนๆเหมือนวันนั้นอีก

ทำยังไงก็ได้เพื่อจะผูกมัดให้เป็นของเขาตลอดกาล

"เคย์ เคย์ไปไหน..พวกคุณเป็นใครปล่อยผมนะ"

การร้องอ้อนวอนเสียงแหบพร่านั้น เคย์เห็นว่าเป็นแค่การร้องขัดขืนเพื่อเร้าอารมณ์คู่นอนที่ไดกิมารยาเท่านั้น

"จะดิ้นทำไมหล่ะไดจัง ยูโตะเอายามา..."

ทั้งสองหนุ่มบังจับจ่อของสิ่งหนึ่งให้ไดกิสูดเข้าไปเต็มๆปอด
"อย่าาาาาาาา...ปล่อยผมเถอะ ขอร้อง"

อารมณ์ใคร่ที่พุ่งขึ้นสูงขณะสูดดมสารกระตุ้น ทำให้ไดกิเกิดอาการผวา เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับเขาสองครั้งสองคราในเวลาเพียงหนึ่งปีเชียวเหรอ น้ำตามันไหลจากภาพหลอนจากประสบการณ์ที่เคยเจอมันเกาะกุมจิตใจ

"อย่า...ไม่เอา เคย์ เคย์..."
ร่างน้อยฟูมฟายทั้งน้ำตา เมื่อสองหนุ่มเริ่มไล้ลูบไปทั้งร่าง บีบเคล้นหนักมือ สัมผัสน่ารังเกียจในความรู้สึกของคนรับ

ทั้งสองคนช่วยกันจับขาเรียวแยกออกจากกัน เผยช่องทางรักให้อีกหนุ่มจ้วงความเป็นชายเข้าไปทำลายโดยไม่เตรียมพร้อมอย่างหยาบคาย

"อ๊าซ์...เจ็บ อย่าทำผม เคย์ช่วยด้วย..."
ยังคงดิ้นไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมง่ายๆ ยูโตะจับแก้มนวลที่พร่าไปด้วยน้ำตาบีบกระชับ บังคับให้หันไปมองคนบงการอย่างกระแมกกระทั้น

"นั่นไงเคย์"

คนที่คร่ำครวญหา นั่งอ่านหนังสือไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ใกล้ๆ นี่ใช่มั๊ยคนที่อยากให้เขามาช่วย

แค่นั้นแหละร่างงามถึงได้สงบ

ปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นผลัดกันกระแทกกระทั้นไปตามสบาย

ในเมื่อเคย์ยกให้ใคร แล้วไดกิจะขัดคำสั่งให้เจ็บตัวอีกทำไม เพราะมันเป็นความต้องการของเคย์


...........................................

"แกโชคดีมากนะยาบุ ได้ชิมรสเมียไอ้เคย์เป็นคนสุดท้าย"

ทาคาคิ ยูยะ ยิ้มสมใจ หันไปสบตาร้ายๆของร่างน้อยข้างๆตัว

คราวนี้เขาเป็นเพียงแค่คนเปิดเกมส์ ใส่ยาปลุกเซ็กซ์ให้เมียไอ้เคย์มันกินแล้วก็ทำให้มันเห็นเท่านั้น ไม่นึกว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายเพราะความบ้าของเจ้าอดีตเพื่อนทรยศคนนั้นเอง ใครจะนึกว่าเวลามันรักใครสักคนอย่างจริงใจแล้วมันจะหวงจนกลายมาเป็นแบบนี้

แล้วเวลาทำกับของคนอื่นกลับไม่คิดจะสำนึก...


"เป็นไงหล่ะ? หวานเหมือนที่ยูยะเพ้อให้ผมฟังหรือเปล่ายาบุจัง" คนสวยยิ้มหวานถามต่อด้วยสีหน้าเลือดเย็น และได้จับจูบหวานฉ่ำจากคนที่อยู่ข้างกายตลอดเวลาเป็นการปิดปาก

"ติดใจไม่รู้ลืม ฮ่าๆๆๆๆๆ"


ทั้งสี่คนต่างก็ยิ้มร้ายไม่แพ้กัน ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำที่คนตัวหนาหันมากระซิบกับคนของตัวเองข้างกายเสียงนุ่ม

"พอใจแล้วใช่มั๊ยยูริ..."




..........................

เคย์...

ผมรักคุณจริงๆนะ

ที่ผ่านมาผมรู้ว่าทำให้คุณระแวงทุกอย่างในตัวผม แต่ถึงผมจะผ่านใครมา ใครจะทำร้ายผมยังไง ผมก็รักคุณคนเดียวเสมอ คิดเสียว่าเราทำบุญกันมาแค่นี้ ถ้าคุณอยู่ข้างๆผม ตรงนี้ รู้ไว้เถอะว่าผมยังรักคุณเหมือนเดิม เชื่อใจคุณเสมอ ถ้าโลกมันโหดร้ายนัก เราจะจะไปอยู่ในที่ๆมีแต่เราสองคน ที่ๆจะมีแค่เรา ไม่มีใคร...







เคย์ อิโนะ - ไดกิ อาริโอกะ
เสียชีวิตด้วยยานอนหลับ
...
..
.
.

END






17 พฤศจิกายน 2554

my ART << โดจินดีกว่ามั๊ยมึง?

สรุปคือวาดรูปอาร์ตๆ
กำ เค้าเรียกอาร์ตได้ป่ะวะ
มันเหมือนการ์ตูนบ้าบออ่ะ แต่วาดด้วยใจนะขอบอก(เหรอ?)






อันนี้วาดตอนข่าวออกมาครั้งแรก
เสียใจเป็นที่สุด
คือ เวบจอห์นนี่เอารูปน้องริวออกจากเมมเบอร์จั๊มพ์
เหตุผลคืออะไร? ไม่ต้องรอแล้วงั้นเหรอ??
ไม่สนอ่ะ ตกอยู่ในความเงียบสักพักแล้วลุกขึ้นมาต่อ
ใครจะว่ายังไงก็ช่าง กูจะรอน้องกู รอวันที่จั๊มพ์จะมีสิบคนเหมือนเดิม
น้องริวร้องไห้.......










ไอ้น้องปอบอกว่า..."ถีบบุฮิคตกถ้วยชา" กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
อะไรจะโลกส่วนตัวกันขนาดนั้นวะ
ส่วนอิเม่นนี่บังอาจที่สุด ถีบเด็กดักแด้กลิ้งไปมาแบบน่าตบหนามหักมาก กร้ากกกก


ชอบชี่น้อยกับอิป๋า แย่งส้อมกัน กรั๊กๆ










ป๋ามัไม่ได้สนใจลูกคะ ปิ้งปลาอย่างเดียว
ส่วนน้องริวเธอก็นอนอย่างเกรียน
ไดจี้นี่เก็บเห็ดมาให้ชาย แต่สามีกลับนั่งอ่านการ์ตูนโป๊อยู่ไม่สนใจ
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

















อิบุเลวมาก

















 


อันนี้ภาพแรกๆเลยที่วาด
ชี่น้อยอย่างนักเลงกร้ากกกกกกกกกกกก มันเตะตูดป๋าอ่ะ ฮาเอง

แต่น้องริวมีคนบอกว่าแม้แต่นอนในอ่างราเมงมันยังดูเกรียน โฮ่
ลูกชั้นเกรียนได้อีกวะ ฮิคนี่แพลงกิ้งไม่สนใจเพื่อน กร้ากกกกกกกกกกกก













.........................


โอ๊ยยยยย ฮาาาาาา
ความจริงแล้วเอนทรี่นี้มันไม่มีอะไรเลย
แค่เอารูปที่วาดๆไว้มาอวดเท่านั้นแหละ
แต่มันฮาตรงชั้นวาดไปได้ยังไงวะเยอะแยะขนาดนี้ ฮ่าาาา
ทั้งหมดนี่วาดอยู่สองวัน อัจฉริยะมาก









5 พฤศจิกายน 2554

5/11/11 Happy Birthday พี่คิของน้อง



お誕生日おめでとう田中聖
愛してる!!! ♥


มิเคยรู้มิเคยมั่นว่าฉันรัก
คอยหาญหักผลักไสให้ไกลห่าง
 
ไม่รับรู้ปริศนาจากท่าทาง
ฉันที่วางดวงใจให้เธอครอง
แอบข่มซ่อนความอายไม่ไหวหวั่น
รอเพียงวันสุภาพบุรุษสุดจองหอง
ลดสายตาหยิ่งทะนงลงมามอง
ตัวสำรองที่เธอเห็น"เป็นแค่ไทย"



รอพี่คิกับเพื่อนๆอยู่นะ


คิจินจงเจริญ








ขอให้พี่คิของเจน
มีความสุขกับความหล่อตลอดไป

ซ๊าาาา ธุ


1 พฤศจิกายน 2554

[sf] - He's mine! ผู้ชายคนนี้.....ของผม!

He's mine!
ผู้ชายคนนี้.....ของผม!


Writer - taka-jane
Pairing - OkamotoKeito x Okamoto Keito
Rate 3 - เด็กน้อยใสซื่อ



......................

โมริโมโตะ ริวทาโร่ เป็นเด็กหนุ่มร่างผอม ดวงตากลมโตนั้นแฝงไปด้วยความเศร้า

ร่างเล็กยืนนิ่ง อยู่ตรงหน้าคือแปลงกุหลาบสีขาวบานสะพรั่ง ที่เป็นความทรงจำของคนๆนั้น

ระหว่างที่สายลมรอบๆตัวเริ่มตีกันไปทั่วจนเริ่มหนาวตามภูมิอากาศของที่สูง ร่างเล็กก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่จะโอบเสื้อคลุมให้ห่อเข้ากับตัว ความอบอุ่นสำหรับเด็กคนนี้หมดไปแล้ว ตั้งแต่ไม่มีผู้ชายคนนั้น

....

"มีอะไรกัน"
ผมร้องถามออกไป เมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวร้องขอความช่วยเหลือ

"ใครหน่ะ"
ผมถามออกไปอีกครั้ง
ใครคนนั้นยังคงตะโกน อย่า อย่า

ผมเลยตัดสินใจคว้าคฑาปราบวิญญาณที่วางพิงกรอบหน้าต่างมาถือไว้แน่น แล้วรีบวื่งออกจากบ้านหลังเล็กของตัวเองตามเสียงที่ได้ยิน ผมเห็นว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ กำลังล้มอยู่ตรงแปลงกุหลาบขาวที่ผมกับแม่ช่วยกันปลูกไว้เมื่อนานมาแล้ว

ร่างนั้นเหมือนคนบ้าที่ทะเลาะกับตัวเองมากกว่าจะโดนใครทำร้าย เพราะมือหนาของชายปริศนาข้างขวาบีบไปที่ลำคอขาวของเขาเองโดยมีมือข้างซ้ายหยิกข่วนห้ามปราม

"เคย์อย่า..."
"ไม่...ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ"
"ผมไม่ตายแล้ว เคย์ปล่อยเถอะ"
"ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอนายหล่ะ ถ้านายคิดจะทิ้งฉันไปอีกฉันจะทำยังไง"

ผมเคยพบเจอคนอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่โดนวิญญาณสิงสถิตย์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของปิศาจร้าย แต่คนๆนี้แปลกมาก เขาไม่มีพลังวิญญาณเลยเท่าที่ผมสัมผัสได้

ผมเลยตัดสินใจร่ายเวทย์ปราบวิญญาณของตัวเอง คนๆนั้นตกใจหันมาเห็นผม และสลบลงไปอย่างง่ายดาย
เอาน่า อย่างน้อยผมก็หยุดเขาได้


..........

จากการใช้พลังของผมจนผู้ชายคนนั้นตกใจสลบไป
สามชั่วโมงต่อมา เขาก็ตื่นขึ้นมาทานข้าวต้มฝีมือผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาบอกผมว่าเขาชื่อเคย์โตะ และอีกคนที่อยู่ในตัวเขาก็ชื่อเคย์โตะ แต่พวกเขาจะเรียกอีกคนว่าเคย์ สรุปว่าพวกเขาเป็นโรคจิตชนิดซับซ้อนหลายบุคลิค โดยบุคลิคจริงก็คือเคย์โตะที่อยู่ตรงหน้าผม ที่ออกจะสุภาพและใจดี
ส่วนบุคลิคซ้อนของเขานั้น มีลักษณะที่ออกจะห้าวๆและไม่เกรงกลัวใคร ทั้งสองบุคลิคเป็นคนรักกัน

"คุณกลัว?"
ผมถามอย่างห่วงใย เขาไม่ยอมบอกผมว่าเคย์พยายามบีบคอเขาทั้งคู่เพราะอะไร

"แน่นอน ผมกลัว"
เขาบอกพร้อมกับมองผมสงบนิ่ง
"ผมกับเคย์หน่ะ มีกันและกันมาตลอดชีวิต คุณก็รู้ว่ามันแปลกสำหรับคนธรรมดามากแค่ไหนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะไม่ยอมแต่งงานเสียที "

เขาล้วงกริชเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าที่เก็บไว้กับตัวตลอดเวลา
"ผมหน่ะบอกใครไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าผมหลงรักตัวเอง"
เขาเล่าเรื่อยๆ
"แม่ผมอยากให้แต่งงานกับผู้หญิงสาวในหมู่บ้าน คุณรู้มั๊ยว่าเคย์พยายามข่มขืนผม"

เขาทำให้ผมตกใจที่จะมีอะไรบ้าบอได้เท่านี้ เจ้าบุคลิคซ้อนนั่นมันจะข่มขืนบุคลิคจริงได้ยังไง ไม่อยากจะนึกภาพ

"เคย์โตะ"
ผมเอื้อมมือไปแตะไหล่ที่ลู่ลงพร้อมเสียงสะอื้น ผมไม่ชอบเห็นผู้ชายร้องไห้นักหรอก แต่เคย์โตะกลบตวัดสายตาดุๆมาที่ผมหมือนไม่ใช่คนเดิม

"นายอย่ามายุ่มเรื่องของเรา"
"คุณ...เคย์??"
"ไม่ว่านายจะคิดอะไรอยู่ ขอบอกไว้เลยว่าฉันไม่ยอมยกเคย์โตะให้ใคร"
"ผมไม่ได้คิดอะไร"
แต่เขาก็จ้องผมเขม็งอย่างไม่ไว้ใจเสียแล้ว ร่างนั้นพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำได้

"เราจะกลับบ้าน"
"คุณพักที่นี่ก่อนเถอะ ผมรับรองว่าผมจะไม่แตะต้องเคย์โตะเด็ดขาด"
ผมร้องขอ อย่างน้อยเขาก็น่าจะห่วงร่างของคนรักตัวเองบ้าง การออกเดินทางในขณะที่อ่อนกำลังแแบนี้ รังแต่จะทำให้เป็นอันตราย

"คุณเคย์ ผมอาจจะเป็นแค่ผู้ปราบวิญญาณที่อ่อนหัด แต่ในฐานะผู้ชายคนนึง ผมไม่แย่งแฟนใครหรอกนะครับ"

...

การใช้ชีวิตกับหนึ่งคนสองบุคลิคมานานในระยะหนึ่ง ทำให้ผมรู้ว่าถึงแม้เคย์โตะจะเป็นบุคลิคจริง แต่เขาก็อ่อนแอจนน่าใจหาย เคย์โตะไม่ทนต่ออากาศที่ไม่ใช่อุณหภูมิของร่างกาย ไม่ว่าจะหนาวไปหรือร้อนไป ทำให้เคย์กับผมต้องเป็นห่วงอยู่เสมอๆ


วันๆผมเหมือนอยู่กับคนบ้าที่ไม่นอนพูดกับตัวเองก็นั่งคุยกับกระจก

ผมจำได้ว่าหน้าผมแดงก่ำขึ้นมาทันที ที่บังเอิญเห็นเคย์โตะกำลังโน้มตัวลงไปจูบกระจกบานใหญ่ตรงหน้าอย่างทะนุถนอม

"อ่ะ ...เอ่อ..."

เขาหันหน้าออกจากกระจกมาจ้องมองผมอย่างไม่พอใจ แต่แค่แว๊บเดียวเขาก็กลายเป็นเคย์โตะที่ยิ้มอย่างอ่อนแรงมาที่ผม

"ขอโทษนะริวจัง ถ้าผมทำให้นายลำบากใจ"

ผมโบกมือพัลวัล นอกจากอาการผีเข้าผีออกของเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมลำบากใจหน่ะก็แค่การชอบส่องกระจกมอหน้าตัวเองทุกครั้งที่มีโอกาสของเขาเท่านั้นแหละ เรื่องที่ทั้งสองบุคลิคเป็นแฟนกันหน่ะจริงๆผมรับได้(จริงๆนะ)

"คุณเคย์ไปนอนแล้วเหรอ?"

"เคย์ใช้พลังมากเกินไป เขาปรากฏตัวบ่อยจนบุคลิคอ่อนแอมากกว่าผมซะอีก"
ดูท่าทางเคย์โตะจะไม่สบายใจเรื่องของอีกบุคลิคนึงของเขาอยู่มาก

"เขาไม่ยอมนอน เขากลัวว่าริวจังจะ เอ่อ..."
เคย์โตะหน้าแดง ทำให้ผมพลอยหน้าแดงไปด้วย ไอ้เจ้าบุคลิคซ้อนนั่นระแวงว่าผมจะหลงรักเคย์โตะสินะ

"คุณมีความสุขดีใช่มั๊ยเคย์โตะ"
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจถามเขา คนโรคจิตที่รู้ตัวว่าโรคจิต แถมยังหลงรักตัวเองอีกแบบนี้ ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละว่าเขาทนอยู่โดยไม่สุงสิงกับใครได้ยังไง

"อือ...มันตอบยากนะริวจัง ผมหน่ะรักเคย์นะ แต่ความรักของผมอาจจะเหมือนคนปกติทั่วไปที่รักตัวเองและเห็นแก่ตัวละมั้ง ส่วนเคย์หน่ะเขาต้องการมีชีวิตร่วมกับผม อย่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิ ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองทุกข์อะไรนะกับความต้องการของเคย์  ถ้าต้องให้บอกตอนนี้ก็คือ...ผมกับเขาเรายอมรับการมีอยู่ของกันและกันได้นั่นแหละ ที่ผมจะฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้ก็แค่ต้องการประชด เรียกร้องความสนใจจากเคย์เท่านั้นแหละ...ริวจังรู้อะไรมั๊ยว่าก่อนหน้าที่ผมจะพยายามฆ่าตัวตาย เคย์หน่ะจะปรากฏตัวออกมาเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ ฮ่ะๆ"

ผมได้แต่ฟังคนตรงหน้าบอกอย่างไม่เข้าใจ
นั่นสิ ผมไม่เข้าใจหรอก เพราะผมเป็นคนปกติเกินไป

"ผมขอโทษนะริวจัง ที่ทำให้เดือดร้อน ผมกับเขาไม่รบกวนริวจังนานหรอก เราแตกต่างจนอยู่ร่วมกับใครไม่ได้แล้วแหละ"

ตอนที่เขาบอกผมแบบนั้น ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่พอรุ่งเช้าของวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาไม่เจอเขาแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามันเหงา เหงากว่าก่อนที่จะเจอเขาเสียอีก

ผมหน่ะไม่ได้รักเขาหรอก

แต่ผมคิดถึงร่างใหญ่ๆนั่น ทั้งเคย์ทั้งเคย์โตะ เขามาอยู่บ้านผมแล้วดูเหมือนมันมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น


พ่อหนุ่มหัวเม่นที่หลงรักตัวเอง


....

END















[PoemFic] - นิทานอคาเมะ

ยเหตุเกิดจากไปนั่งเล่นท่ฟูจิ

แล้วได้มาหนึ่ง เอ๊ย ครึ่งเรื่อง


เป็นกลอนแสนจะป่วง














นิทานอคาเมะ





กาลครั้งหนึ่ง
จะกล่าวถึงท่านจินผู้สิ้นหวัง
เมื่ออกหักจากโคโยตี้ที่โด่งดัง
ชีวิตพังปรารถนาฆ่าตัวตาย

เดินซมซานหาที่ตายมาหลายปี
แทบไม่มีคนหล่อแมนแสนใจหาย
ต้องรอนแรมตามทางเปลี่ยวอย่างเดียวดาย
กูอยากตายใครผ่านมา"ฆ่ากูที"

เมื่อท่านจินคร่ำครวญได้ไม่นาน
กลับปรากฎร่างนงคราญขึ้นเสียนี่
นางนั้นงามหยาดฟ้ายิ่งกว่ามณี
ร่ายวจีระรื่นหูอย่างน่าฟัง

"ไอ้หมูอ้วนถ้าอยากตายไปไกลไกล
ในพงไพแห่งกูอย่าได้หวัง
หอบเอาร่างเน่าเน่าไปได้ยัง
กูโคตรชังนิสัยเชี่ยเหี้ยอย่างมึง"

ท่านจินเคลิ้มทำตาลอยไปแสนไกล
ซึมซาบรสหวานแสบไส้ไว้อย่างซึ้ง
ลืมโคโยตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่คำนึง
พร่ำรำพึงถึงแต่นางไม่สร่างซา

เมื่อนั้น
คาซึยะน้องน้อยอนาถา
เที่ยวหนีฝูงนางกำนัลกัลยา
เร่ร่อนมาหวังแอร์เมสที่แสนงาม

เดินลัดเลาะริมลำธารนานเป็นชาติ
มาพลั้งพลาดพบร่างใหญ่ไม่เกรงขาม
โคตรหมั่นไส้แค่โคโยตี้ไม่มีนาม
ก็ลืมความคิดจะดิ้นสิ้นชีวั

แม่จะด่าให้หายโศกเลยไอ้ชั่
คิดชั่วชั่วได้เยี่ยงไรไคร่อาสัญ
ชีวิตใครก็มีค่าเท่าเท่ากัน
ไม่รักมันแล้วหวังให้ใครรักมึง

เมื่อนั้น
ท่านจินยอดชายให้เครียดขึง
โถน้องจ๋าอย่าได้โกรธกูเลยมึง
ใจเย็นเย็นอย่าหน้าตึงเดี๋ยวไม่งาม

อันว่าพี่เคยอยากตายใช่อดีต
เพราะชีวิตโดนหยามรักมาหักห้าม
ใจดวงน้อยจึงแกว่งไปหลายชั่วยาม
ที่น้องห้ามพี่เชื่อแล้วนะแก้วตา


ทีบีซี......(กร้ากกกกกก)