หน้าเว็บ

9 สิงหาคม 2554

[Naka x Yama]-หัวใจที่ถอดวาง

ฝากรูป




[Naka x Yama]-หัวใจที่ถอดวาง


               

                หัวใจดวงหนึ่งซึ่งก่อนแต่เคยทะนง
ทิ้งความยิ่งยงเจอะเธออ่อนลงทุกที
ถ้าไม่ประคองก็เหยียบฉันจมธุลี
คนเลวที่ผยอง...
                ขอสารภาพไถ่บาปให้คลายพะวง
ฉันวางใจลงแต่เธอไม่เคยเหลียวมอง
เมฆที่มัวหม่นไม่นานฝนโปรยละออง
ลบรอยหมองใจ..............................



                ภาพใบหน้าร่างบางซีดเซียวไร้สีเลือดนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอนสีขาวสะอาด ที่ขาซ้ายมีน้ำเกลือห้อยระโยงรยางค์ ตั้งแต่หมอบอกว่าคนรักของเขาปลอดภัยพ้นขีดอันตราย ถึงตอนนี้ก็ย่างเข้าวันที่สามแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเปลือกตาบางนั้นจะขยับขึ้นมามองเขาเลย
                ยูโตะกุมมือเรียวสุเกะไว้มั่น พร่ำขอโทษและภาวนาให้ร่างน้อยลืมตาตื่นมามองเขา ชายหนุ่มนั่งอยู่อย่างนั้นมาสามวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกขึ้นไปไหน จนยูยะและฮคารุได้แต่สมเพช
                ยามเมื่อมีของล้ำค่าอยู่ใกล้ตัวกลับไม่เคยมอง ตามืดบอดจนเห็นเพชรเม็ดงามเป็นกรวดข้างทาง มายามนี้กลับทำหน้าราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า มันชวนให้สมน้ำหน้ายิ่งนัก แต่ยูยะก็ยังใจอ่อนเพราะอีกฝ่ายเป็นน้องชาย ส่วนหนึ่งในใจเมื่อเห็นสภาพของยูโตะตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกสงสาร เช่นกัน
                ฮิ คารุเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ยูยะฟัง ตอนแรกที่ได้ฟังยูยะแทบอยากจะตรงเข้าไปกระชากคอน้องชายของตนและถามว่า...คิด อย่างไรถึงได้ช่วยคนอื่นและปล่อยให้คนรักของตนเองพบกับอันตราย แต่เขาก็ต้องอดใจไว้ เพราะคิดว่าอย่างไรเสียมันก็คงเป็นอุบัติเหตุมากกว่า ถึงยังไงน้องชายของเขาก็ไม่โหดร้ายจนถึงขนาดจงใจผลักใครให้ตกจากสะพานลงไป กระแทกหลังคารถบรรทุกได้
                “ยูโตะ แกไปอาบน้ำอาบท่าโกนหนวดโกนเคราบ้างเถอะ แกรู้มั๊ยว่าสภาพแกตอนนี้มันน่าทุเรศ”
                ยูยะเอ่ยกับน้องชายเมื่อยูโตะอยู่ตรงนั้นมาสามวันไม่คิดจะลุกไปไหน เขาจะลุกออกจากข้างเตียงร่างบางก็ต่อเมื่อต้องไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น ให้กินข้าวกินน้ำก็เหมือนคนไม่มีสติ
                “ผมกลัวพี่ กลัวว่าถ้ายามะจังตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครอาจจะตระหนกตกใจเอาได้”
                ยูโตะเสียงเบาโดยไม่หันกลับมามองผู้เป็นพี่ชายด้วยซ้ำ
                คำกล่าวของน้องชายตัวแสบทำมห้ยูยะแทบอยากสวนกลับว่า ต่อให้เรียวสุเกะตื่นขึ้นมาก็คงไม่อยากเห็นหน้าแกนักหรอก แต่เขาก็ต้องยั้งปากเอาไว้
                “ผมว่าคุณไปจัดการตัวเองตามที่พี่ชายคุณแนะนำดีกว่า”
                ฮิคารุช่วยพูดอีกแรง ถึงเขาจะเกลียดผู้ชายตรงหน้าแค่ไหน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเพื่อนของเขารักผู้ชายคนนี้มาก มากจนทำได้ทุกอย่างเพื่อแย่งชิงมาเป็นของตัวเองนั่นแหละ และคนที่เสียใจตลอดมาก็หนีไม่พ้นเพื่อนของเขาเองด้วยซ้ำไป
                รัก และแย่ง พยายามรักษาความรักเอาไว้ มันเจ็บมากเขารู้มาตลอด ได้แต่ปลอบโยนเท่านั้นจริงๆ
                “เชื่อฉันกับฮิคารุคุงเถอะน่า แกไปอาบน้ำอาบท่าซะ เผื่อเรียวสุเกะตื่นขึ้นมาจะได้ไม่ตกใจหน้าตาเหมือนศพของแก”
                ยูยะเอ่ยกับน้องชายอีกครั้ง
                ยูโตะยังอึกอักลังเลอยู่อีกสักพัก ก่อนจะยอมลุกขึ้น และเดินเข้าไปจัดการตัวเองอย่างที่พี่ชายแนะนำ





-------------------------------------//////////////////////----------------------------------///////////////////////////////-----------------------------

                เปลือกตาบางขยับเล็กน้อย ความปวดหนึบเข้าโจมตีจนแทบไม่อยากขยับศีรษะปวดร้าวราวกับมันจะแตกเป็น เสี่ยงๆ เสียงแผ่วเบาที่ได้ยินชัดเจนอยู่ในโสตประสาทคือคำว่าขอโทษ ใครกันนะที่พร่ำบอกคำนั้น น้ำเสียงที่แสนจะอบอุ่นนุ่มทุ้ม กระแสเสียงเจือความเสียใจอย่างชัดเจน ความอบอุ่นที่ฝ่ามือนั่นก็ด้วย
                “ยามะจัง...”
                เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น คราวนี้กระแสเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ
                เปลือกตาบางขยับอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าพร่าเลือนและเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสแรกที่ได้รับคือความเจ็บปวดที่ศีรษะจนอยากจะยกมือขึ้นมากุมขมับ แต่ดูเหมือนทั้งมือและแขนของเขาจะไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขยับได้
                สัมผัสต่อมาคือกลิ่นยาฉุนที่ติดอยู่ในลมหายใจ และสุดท้ายคือภาพใบหน้าหล่อเหลาของ ยูโตะ นาคาจิม่า
                “ยามะจัง...เรียวสุเกะ...ฟื้นแล้ว ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว...เจ็บตรงไหนมั๊ยยามะจัง...พูดกับฉันซิ “
                ยูโตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
                คิ้วเรียวของเรียวสุเกะขมวดมุ่นทั้งเจ็บและงงงัน
                “เรียวจัง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
                เสียงต่อมาคือเสียงที่คุ้นเคยของไดกิพี่ชายเพียงคนเดียว ที่อยู่ในอ้อมกอดเคย์น้ำตาคลอหน่วย เมื่อเลื่อนสายตาไปอีกด้านหนึ่งจึงเห็นใบหน้าของยูยะและฮิคารุยิ้มกว้างให้ สีหน้าดีใจ
                “พี่...ยูยัง ฮิกะจัง”
                คำนั้นหลุดออกจากริมฝีปากอย่างยากลำบาก ลำคอแห้งราวกับจะเป็นผง รู้สึกแสบจนเจ็บระบม
                “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คราวหลังไม่เอาแล้วนะแบบนี้เรียวจัง พี่ไม่ยอมให้นายหลับไปนานแบบนี้แล้วนะ”
                ไดกิพูดด้วยน้ำตาที่ไหลนองแก้มทั้งสองข้าง มือผละจากอกคนรักมาลูบใบหน้าน้องอย่างดีใจและอ้อนวอนจนน่าสงสาร
                “ยามะจัง...นาย...อยากได้อะไรมั๊ย น้ำ?? หรือว่าเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า”
                เสียงยูโตะดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ร่างบางต้องเลื่อนสายตากลับมามองเขาอีก
                พลันภาพต่างๆก็ไหลกลับเข้ามาในสมอง...วันนั้นวันเกิดยูโตะ เขาชวนฮิคารุไปเดินเลือกซื้ออุปกรณ์มาทำเค้กให้แฟนหนุ่มตั้งแต่เช้า จู่ๆฝนเกิดตกต้องพากันไปหลบฝนที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะข้างคอนโดแห่งหนึ่ง และสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นรถคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดพร้อมร่างสูงที่เคยคิด ว่าเป็นคนของตัวเองมาตลอดก็ลงมาจากรถพร้อมร่างบางของ ชิเนน ยูริ แฟนเก่าที่เขาเคยไปอาละวาดเอามีดกรีดหน้าจนแทบเสียโฉมคนนั้น ทั้งสองคนเดินกอดเอวกันเข้าไปในคอนโดแห่งนั้นเขาก็รั้งฮิคารุไว้รอ รอในตู้โทรศัพท์เก่าๆโทรมๆจนเกือบรุ่งสางของอีกวัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไปฉลองวันเกิดกันถึงไหน
                เขาที่หึงและเสียใจจนเสียสติไม่ได้ฟังเสียงห้ามของฮิคารุเดินเข้าไปขวางหน้า รถที่ทั้งคู่ขับออกมาอย่างบ้าบิ่น เขารู้ว่ายูโตะรู้ว่าทำแบบนี้เขาต้องอาละวาด แต่อีกฝ่ายก็ทำ เขารู้ว่ายูโตะรักสนุกและเบื่อการตามหึงตามหวงของเขามากแค่ไหน แต่ที่ไม่รู้ก็คืออีกฝ่ายคิดหรือไม่ว่าที่เขาทำไปเพราะอะไร...
                ชิเนน ยูริ ที่ไปศัลยกรรมจนใบหน้าเกลี้ยงเกลาเช่นเดิมแล้ว แต่คงยังแค้นเขาอยู่มาก เปิดประตูรถออกมาและกระชากผมของเขาลากขึ้นไปตบกลางสะพานลอยโดยที่ยูโตะไม่ คิดจะห้ามปราม และขณะชุลมุนกำลังจะตกลงไปทั้งคู่ อีกฝ่ายก็คว้าแต่เพียงร่างน้อยของอดีตคนรักเอาไว้ปล่อยให้เขาตกลงไปปะทะกับ หลังรถบรรทุกเต็มแรง
เขา เลือกที่จะช่วยคนของเขา ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในใจ หัวใจปวดแปลบจนร้าวแม้จะรู้ว่าเขาไม่เคยรัก ไม่เคยเป็นห่วง แต่มันก็เจ็บปวดเหลือเกินยามที่คิดว่าคนที่เขาห่วงหาไม่ใช่ตัวเอง แต่แล้วทำไมเล่า...ทำไม ทำไมหัวใจของเรียวสุเกะยังเรียกร้องเพียงสายตาอาทรจากเขา
                “ยามะจังเป็นยังไงบ้าง พูดกับผมสิ”
                ยูโตะถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเรียวสุเกะเอาแต่จ้องหน้าเขา สีหน้าและแววตางามนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ น้อยใจ จนเขาใจไม่ดีเลย
                “ออกไป!!!!
                เรียวสุเกะพูดคำนั้นออกมาและสะอื้นราวกับจะขาดใจ ยูโตะพยายามเอ่ยปลอบ แต่เรียวสุเกะก็ปิดหูปิดตาเกินกว่าจะเหฌนแววเสียใจในดวงตาคมเข้ม
                “เรียวสุเกะ..ได้โปรดอย่าไล่ผม”
                “ไม่!! อย่ามาถูกตัวฉัน ออกไปนะ ออกไป๊”
                ร่างบางบนเตียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติ และมันก็สร้างความตื่นตระหนกอย่างมากให้กับคนที่เหลือในห้อง เมื่อคนป่วยกรีดร้องเสียจนหายใจหอบ
                “ยูโตะ แกออกไปก่อน ตอนนี้น้องกำลังเสียใจ”
                ยูยะเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยขึ้น เขาเองทำไมจะไม่สงสารน้อง แต่หากยามนี้จิตใจของเรียวสุเกะยังบอบช้ำเกินกว่าจะทนไหว
                “ยูโตะ ออกไปก่อนเถอะนะพี่ขอร้อง”
                เคย์สนับสนุนอีกแรง เขาไม่อยากให้ไดกิต้องร้องไห้สงสารน้องไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถึงเขาจะไม่รู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับทั้งคู่ แต่จากที่ดูคือเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างก็พยายามบรรเทาความเจ็บปวดของตนเองออกไปบ้างก็เท่านั้น
                “ได้ผมจะออกไป ยามะจังเลิกร้องเถอะนะ ผมจะออกไปแล้ว ผมขอร้อง เลิกร้องเถอะ”
                ยูโตะพูดด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เขาอยากจะอยู่เคียงข้างร่างบางเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เรียวสุเกะกำลังเสียใจเขาเข้าใจ เมื่อคนรักใจเย็นลงกว่านี้เขาจะมาพบอีกครั้งก็ได้
                เมื่อลับร่างสูง หมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการคนไข้ พยาบาลสาวดูจะประหม่าเพราะเหมือนจะตกอยู่ในวงล้อมของหนุ่มหล่อถึงห้าคนรวมคน ไข้ด้วย และคงจะตื่นเต้นมากไปหน่อยด้วยเพิ่งออกปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรกมือไม้จึง สั่น เป็นผลให้แฟ้มประวัติหนักๆตกกระแทกปลายเท้าของเรียวสุเกะ
                “อุ๊ย ขอโทษคะ”
                เสียงเอ่ยขอโทษของพยาบาลสาวทำให้เรียวสุเกะต้องหันไปมอง และเหมือนมีอะไรบางอย่างกระแทกกลางใจของเรียวสุเกะ ดูเหมือนโชคชะตาของเขาคงยังเลวร้ายไม่พอ เมื่อร่างบางพบว่าเขาไม่สามารถขยับขาได้ ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกด้วยซ้ำ
                “ดะ ไดจัง ขะ ขาผม”
                ยูยะ ฮิคารุ ไดกิและเคย์ มองคนป่วยอย่างงงัน
                “ขะ ขาผม”
                เรียวสุเกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงขาดห้วง หมอเองถึงกับต้องรีบมาตรวจเช็คคนไข้อย่างเร่งด่วน
                “คุณยามาดะครับ คุณรู้สึกเจ็บมั๊ย”
                คุณหมอเอ่ยถามเมื่อบีบเข้าที่บริเวณหัวเข่าของคนไข้หน้าหวานเบาๆ เรียวสุเกะส่ายหน้าด้วยหัวใจเต้นระทึก คุณหมอจึงเพิ่มแรงบีบอีกนิดและถามแบบเดิม แต่คนไข้ก็ยังคงส่ายหน้า ทำให้สีหน้าของคุณหมอเริ่มมีแววแห่งความกังวล
                “คุณหมอบีบแรงอีกนิดได้มั๊ยครับ อีกนิดนะหมอ”
                เรียวสุเกะร้องบอก
                “ขอผมตรวจเช็คร่างกายของคุณยามาดะอย่างละเอียดเลยนะครับ”
                คุณหมอเอ่ยขึ้นในที่สุด
                “บีบอีกสิหมอ โถ่เว๊ย บอกให้บีบแรงๆไง”
                “เรียวจัง...เป็นอะไรไป”
                ไดกิเอ่ยถาม เขาไม่เคยเห็นน้องตื่นตระหนกขนาดนี้เลย ทำไมถึงได้ร้องขอให้หมอเอาแต่บีบหัวเขาให้แรงขึ้นๆ ทั้งๆที่เขาก็เห็นว่าหมอออกแรงบีบจนข้อมือขึ้นเส้นแล้ว
                “และผมขอคุยกับญาติคนไข้ด้วยนะครับ”
                คุณหมอเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ
                “พูดตรงนี้สิหมอ ทำไมต้องไปคุยที่อื่น”
                เรียวสุเกะร้องลั่น
                “พักผ่อนนะครับ ผมจะให้พยาบาลจัดยานอนหลับให้ คุณยังต้องการการพักผ่อน”
                หมอพูดแค่นั้นและหันไปกระซิบเคย์ก่อนจะเดินขอตัวออกไป เรียวสุเกะได้แต่มองตามเท่านั้น เขาพยายามจะยกขา แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาเสาน้ำเกลือทุบเข้าที่ต้นขาตัวเองอย่างแรง
                “เรียวสุเกะ จะทำอะไรหน่ะ”
                ยูยะและฮิคารุปราดเข้ามาห้ามยึดมือทั้งสองข้างของคนไข้ไว้แน่น ส่วนไดกิก็พยายามแกะเอาเสาน้ำเกลือไปกอดถือไว้ให้ห่างจากร่างบางมากที่สุด
                “ปล่อยผมนะยูยัง ปล่อยนะฮิกะจัง ปล่อยสิ ปล่อย”
                เรียวสุเกะร้องบอกทั้งน้ำตา ก่อนที่คนไข้จะอาละวาดอะไรได้อีก พยาบาลคนเดิมก็กลับเข้ามาพร้อมกับคุณหมอและเคย์อีกครั้ง
                “ยานอนหลับนะคะ คุณหมอต้องการให้คุณพักผ่อนมากๆ”
                เธอพูดจบ เคย์และหมอก็มาจับแขนของเรียวสุเกะไว้คนละข้าง ตัวเธอเองนั้นถือเข็มฉีดยาที่บรรจุน้ำใสๆไว้มั่น
                “ปล่อยนะพี่เคย์  พี่ครับ พี่ อย่าให้เขาทำผม พี่ครับ”
                เรียวสุเกะร้อง เขาพอจะเดาได้ว่าทำไมพวกเขาถึงอยากให้เรียวสุเกะหลับ แต่เรียวสุเกะไม่อยากหลับ หากสิ่งที่เขากลัวเป็นความจริง ร่างบางก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน เผชิญหน้ากับโชคชะตาอันโหดร้ายของตนเอง
                ไดกิได้แต่เอามือปิดปากด้วยสงสาน้อง เรียวสุเกะดิ้นอยู่เพียงสักพักก็สงบลงเมื่อยาออกฤทธิ์ หยาดน้ำตาไหลรินก่อนที่ดวงตากลมโตจะปิดสนิท



----------------------------------------------------///////////////////////////////---------------------------------------------

“คน ไข้เป็นอัมพาตช่วงล่าง เพราะการกระแทกอย่างแรงทำให้กระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย จากที่ตรวจเบื้องต้นคนไข้หมดความรู้สึกตั้งแต่ลำตัวท่อนล่างคือสะโพกลงไป จะผ่าตัดก็ได้นะครับแต่ไม่มั่นใจว่าคนไข้จะกลับมาหายดีดังเดิม”
จบ คำพูดของหมอ ไดกิก็เป็นลมล้มพับไปต่อหน้า ทำให้เคย์ต้องถลึงตาใส่หมออย่างอาฆาต และก่อนจะพาร่างบางของคนรักไปพักผ่อนที่บ้านก็หันมาขอร้องเพื่อนด้วยน้ำ เสียงจริงจัง
“ช่วยให้ถึงที่สุดได้มั๊ยโคตะ ฉันรู้ว่านายทำได้ ฉันมั่นใจ”
“ฉันไม่รู้นะเคย์ แต่เคสนี้อาจจะต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดหน่อย ถ้าคนไข้และญาติพร้อมจะเสียงฉันก็จะช่วยเต็มที่เหมือนกัน”
หมอยิ้มให้กำลังใจเพื่อน
ใน ห้องพักของเรียวสุเกะตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ยูโตะ ยูยะ และฮิคารุ อีกครั้ง ยูโตะในยามนี้เขาทำได้เพียงมองใบหน้ายามหลับใหลของเรียวสุเกะเท่านั้น เขาจะมีหน้าบอกคนๆนี้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นต้นเหตุให้คนรักเป็นอัมพาต
“ยามะจัง ผมขอโทษ...”
น้ำตาที่แทบไม่เคยไหลรินในชีวิตกลับหยาดหยดลงสู่มือเรียวที่กุมไว้มั่น
ยู ยะมองภาพน้องชายอย่างนึกสงสาร สงสารทั้งคู่ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้มันเป็นยิ่งกว่าบทเรียนในชีวิตของยูโตะ ยูยะเดินเข้าหาน้องชายที่กำลังนั่งไหล่สั่นสะท้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน้องชายหัวแข็งของเขากำลังร้องไห้ ยูยะวางมือลงบนไหล่น้องแล้วบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“เพราะผมเองพี่ เพราะผมเองยามะจังถึงเป็นอย่างนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะทิฐิของผมคนเดียว เพราะความโง่ของผมเอง”
ยู โตะเอ่ยด้วยเสียงสั่น ยูยะไม่ตอบอะไร ใช่ว่าเขาไม่อยากปลอบ แต่ทุกอย่างที่ยูโตะพูดมานั้นมันคือความจริงทั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพราะยูโตะเอง
“พี่...ผมจะทำยังไงดี ถ้า ถ้ายามะจังไม่มีวันให้อภัยผม ผมจะทำยังไงพี่ครับ...”
“พยายามสิยูโตะ ทำให้เขารู้ว่าแกรักเขาไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง แค่นี้ทำได้มั๊ย”
“ผมรักยามะจัง...”
เสียง สารภาพแผ่วๆนั่นโดนกลบด้วยเสียงสะอื้นของเจ้าตัว แต่มันเต็มไปด้วยความมั่นใจทำให้ยูยะโอบไหล่น้องเข้ามาสู่อ้อมกอดแน่นๆหนึ่ง ครั้ง
“พี่จะรอดูความพยายามของแก”



               




ให้ฝน ซับน้ำตาหม่นแก่เราสองคน
ฟ้าหลังฝนสดใส
ยอดรัก หัวใจฉันถอดวางไว้แล้วไง
ขออภัยโทษให้ฉัน.........
ระทมซมซานแทบจะกราบกรานเขาเมิน
ช้ำใจเหลือเกินอยู่อย่างเดียวดายทุกวัน
จะขุ่นจะเคืองอย่าเปลืองน้ำลายประจาน
เหมือนประหารใจ.......


…………………………………………………………………..END………………………………………………….……………………









1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 ธันวาคม 2554 เวลา 17:09

    อ๊ากกกกกกกกก

    น้ำตาร่วง อย่างไม่มีข้อสงสัย

    สงสารยามะจังอะ ทำไมอิโตะถึงทำกับอ้วนแบบนี้

    ฮืออออออออออออออ

    ตอบลบ