หน้าเว็บ

13 ตุลาคม 2554

[SF] kimi+boku=LOVE (2/2) END





.........................................................................................









[SF] kimi+boku=LOVE (2/2) 



[SF] kimi+boku=LOVE (2/2)

เมื่อความเย็นกระทบผิว ทำให้ผมต้องหาไออุ่นจากสิ่งที่อยู่ข้างกาย เจ้าของไออุ่นนั้นกอดกระชับร่างผมเข้าหาตัวทันที

"อืมมมม"
ผมครางด้วยความเจ็บขัดเนื้อขัดตัวไปหมด อยากซุกซบไออุ่นนี้โดยไม่รับรู้อะไรนอกเหนือจากนั้นอีก เพราะตอนนี้ผมรับรู้ว่าทั้งร่างกายนั้นเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกแปลบๆตรงบั้นท้ายและความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคย สำนึกในเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมต้องเลิกเปลือกตาขึ้นกระพริบช้าๆ

การขยับตัวของผมทำให้เจ้าของแขนแข็งแรงรัดผมเข้าหาตัวมากขึ้นอีก มือหนาลูบไล้สัมผัสแผ่นหลังเปลือยของผมราวกับจะกล่อมให้หลับไหลลงไปอีกครั้ง

วงแขนนั้นแหละที่ทำให้สติของผมกลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

ราวกับถูกน้ำเย็นสาดหน้า ผมถูกขี้ยาลากเข้าไปในห้องน้ำพยายามข่มขืน!!!

สัมผัสลมหายใจที่รินรดอยู่เหนือศีรษะทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากรับรู้เลยจริงๆ แต่ภาพที่ผมเห็นกลับเป็นไอ้อ้วนของผมที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ เหมือนพึงพอใจ

ด้วยสัมผัสทำให้ผมรู้ว่า มันไม่ได้ใส่อะไรเลยเหมือนกันกับผม ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเลยระหว่างเราสองคน  สมองประมวลผลรวดเร็วราวกับคอมพิวเตอร์

ความทรงจำที่ฉายชัด ไม่มีฉากไหนตอนไหนเลยที่บอกว่าผมโดนไอ้สองตัวนั่นสอดไส้กรอกเยอรมันเข้าไปในรูตูด!!! ความรู้สึกลึกๆตะโกนก้องร้องออกมาว่าผมโดนข่มขืนหลังจากนั้นแน่นอน

จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมพยายามกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ถ้าข้อสันนิษฐานของผมไม่พร่าเลือนหรือผิดเพี้ยน ไอ้คนที่นอนข้างกันนี่แหละเป็นคนทำให้ผมต้องมีสภาพแบบนี้ แต่ผมคงจะสะอื้นหนักเกินไปไอ้อ้วนเจ้าของอ้อมกอดเลยขยับตัวก่อนที่เปลือกตาหนาจะลืมเปิดขึ้น

"ยูริ..."
"ทำไม... ทำไมมึงทำแบบนี้"
ผมคงถามคำถามยากเกินไป ร่างหนาถึงได้กระตุกตัวขึ้นนั่ง ผมรีบรวบผ้าห่มที่ตกลงมาแถวเอวขึ้นมาคลุมตัวเองที่สั่นสะท้านอย่างหนัก พยายามถอยห่างจากผู้ชายตรงหน้านี้ให้มากที่สุด จนแผ่นหลังสัมผัสกับหัวเตียง

"พี่...ยูริพี่ขอโทษ เมื่อคืนพี่..."
เหมือนมันจะพยายามเรียกผมด้วยสรรพนามที่ไม่คุ้นเคย

"มึงทำแบบนี้ทำไม มึงสะใจนักใช้มั้ยที่เอาชนะกูได้ เก็บคำว่าขอโทษของมึงไปบอกกับลูซิเฟอร์ในนรกเถอะเหี้ย"
ผมคร่ำครวญเหมือนคนขาดสติ

เมื่อวานเหตุการณ์นั้นยิ่งฝังตรึงอยู่ในใจ ภาพที่ตัวเองออกมายืนรอมันที่หน้าหอประชุมแล้วโดนลากเข้ามารุมในห้องน้ำ
มันช่วยผมออกมา ผมรู้
มันเป็นห่วงผม ผมก็รู้
ถึงมันจะปากหมาแต่มันก็ยังดูแลผม ทำไมผมจะไม่รู้

"นายกำลังจะโทษว่าพี่ข่มขืนนายใช่มั๊ย"
มันมองหน้าผมนิ่งก่อนจะถามกลับ

สัด!!! ไม่ให้กูโทษมึงแล้วจะให้กูคิดว่าตอนกูหลับโดนไม้ทิ่มตูดหรือไง!!

"ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วจะให้เรียกว่าอะไร กูข่มขืนมึงเหรอ สลัดเอ๊ย"
ผมระเบิดอารมณ์ใส่มันอย่างห้ามไม่อยู่ กำผ้าห่มในมือแน่น ผมไม่สนใจแล้วว่าในตอนนี้น้ำตาผมมันจะไหลออกมามากจนเป็นสายเลือดหรือเปล่า แต่ผมส่งความโกรธ เกลียด และกล่าวโทษไปที่มันเต็มๆ

แล้วมันก็ถามผมกลับเสียงเย็น ต่างกับตอนพยายามอธิบายให้ผมฟังในครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
"แล้วรู้เหรอว่าไม่ได้โดนไอ้สองตัวนั่นมันทำก่อนที่กูจะเข้าไปช่วย"

"สารเลว!! สมองปลวกอย่างมึงก็คิดได้แต่จะปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นสินะ กูรู้ว่ากูเป็นผู้ชาย โดนทิ่มเข้าไปก็มีลูกออกมาประจานความชั่วของมึงไม่ได้หรอก แต่กูต้องการความจริง มึงเข้าใจมั๊ยว่ากูอยากได้ความจริง ว่าใครมันทำกู"

"ใครทำแล้วต่างกันตรงไหน มึงเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ไม่ใช่เหรอเตี้ย หรือมึงเสียใจที่ครั้งแรกของมึงเป็นกูแทนที่จะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของมึงคนนั้น"
มันกล่าวน้ำเสียงเย้ยหยัน นี่สินะ...ไอ้อ้วนปากหมามันกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับความคิดอุบาทว์ในสมองมัน

"เออ ใช่ของมึง ถ้าครั้งแรกของกู ไหนๆก็จะมีผัวเป็นผู้ชายอยู่แล้วกูอยากมีผัวชื่อเคย์โตะดีกว่ามีผัวอ้วนดำอย่างมึง"

"แต่ตอนนี้มึงเป็นเมียกูไง"
มันตวาดผมกลับ กระชากร่างที่ยังเจ็บแปลบๆของผมเข้าไปเขย่าอย่างแรง
"ถึงกูกับมึงจะไม่ได้รักกัน แต่กูจะบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้แน่นอน"

ผมได้แต่เบิกตากว้างมองมันผ่านม่านน้ำตา สิ่งที่มันพูดยังก้องอยู่ในหูและใจ หน้าของมันอยู่ใกล้กับหน้าผมมากจนมองเห็นความน้อยใจและเจ็บใจในนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง

...

ปัง!!!
เสียงประตูถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากชีทที่เพื่อนส่งมาให้ทางเมล์ที่เพิ่งเริ่มอ่านไปได้เล็กน้อย

คนที่เปิดประตูเข้ามาคือพี่เคย์โตะบอดี้การ์ดส่วนตัวที่คุณพ่อมอบหมายงานตำแหน่งผู้บริหารแทนท่าน ผมขยับจะเอ่ยปากเรียกผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา แต่ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูด

พี่เคย์โตะก้าวยาวๆไปกระชากร่างหนาของไอ้อ้วนที่คุยสไกป์กับพี่เคย์หมอประจำตระกูลอยู่ หมัดหนักๆกระทบเข้ากับใบหน้าที่ไม่ได้ตั้งตัวเข้าเต็มแรง เลือดที่ย้อยซึมที่มุมปากนั้นบอกผมได้ดีว่าหมัดของพี่ชายนั้นแรงมากแค่ไหน

"พี่...อย่า!!"
ผมกัดฟันร้องห้ามพี่เคย์โตะออกไป ขยับตัวจะยกโน๊ตบุ๊คเครื่องน้อยออกจากตัก แต่พี่เคย์โตะก็ถลันเข้ามาถึงตัวผมแล้วโดยเร็ว

คนที่โดนชกมองมาที่เราทั้งคู่ด้วยสายตาที่แทบอยากจะฆ่าให้ตาย  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หันไปคุยสไกป์กับพี่เคย์ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

"กลับบ้านเรากัน"
พี่ชายที่แสนจะพูดน้อย(และต่อยหนัก)ของผมบอก ร่างหนามีมัดกล้ามรั้งพยุงตัวผมขึ้นจากเตียงกว้าง
เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะเจ้าของบ้านเขาไม่ได้คัดค้านอะไร และผมก็เต็มใจเดินออกมากับพี่เอง มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ยังคงแฝงแววน้อยใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นไว้อยู่


...

พี่เคย์โตะพาผมออกมาจากบ้านหลังใหญ่ กลับมาที่บ้านซึ่งหลังใหญ่ไม่แพ้กันหลังข้างๆ ขบวนบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังจนผมหงุดหงิด

"คุณพ่อโทรมาบอกพี่ว่าฝ่ายโน้นโทรไปหาท่านเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องที่มหาลัยและเรื่องคืนนั้นแล้ว พี่ขอโทษครับที่ต้องให้คนจับตาดูน้องตลอดเวลาเพิ่มขึ้น"
พี่พูดเสียงเข้มเน้นคำ พร้อมกัดกรามจนขึ้นสันนูน ผมหลบตาวาววับของพี่ที่ก้มลงมองค้นหา เรื่องสองคนที่ดักฉุดผมไม่อยากรับรู้อะไรจริงๆ เพราะพอจะทราบได้จากสีหน้ายาบุเพื่อนสนิทของไอ้อ้วนที่แวะเวียนเข้ามาหาถึงบ้าน การทำให้ใครหายไปสักคนสำหรับยาบุแล้วมันง่ายยิ่งกว่ายืนขาเดียวเหนี่ยวกินลมเสียอีก

"น้องขอโทษครับ ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว"

"คราวหลังห้ามไล่การ์ดไปไหนไกลๆอีกนะครับ ตอนคุณพ่อโทรมาบอกเรื่องนี้กับพี่ พี่แทบบ้า รู้มั๊ย"
พี่เคย์โตะคลายอ้อมแขนเมื่อพาผมเข้ามาถึงห้องโดยหันไปกำชับผู้คุ้มกันฝูงใหญ่ให้วางกำลังอยู่นอกห้อง

ผมอึดอัด ไม่อยากให้ใครมาล้อมหน้าล้อมหลัง

"ทนหน่อยนะครับ น้องก็รู้ว่าที่ผ่านมาที่น้องไม่โดนคุมเข้มเพราะน้องไปไหนมาไหนกับทางโน้นเป็นปกติ แต่ในเมื่อตอนนี้ทางโน้นปล่อยปละละเลยน้องจนต้องเกิดเรื่องขึ้น แล้วตัวมันก็ก่อเรื่องกับน้องมาเอง คงต้องให้เวลาคุณพ่อคุณแม่คุยกันสักพักนั่นแหละ ทนอึดอัดหน่อยนะ"
พี่เอามือมาลูบหัวและทำท่าจะผละออกไปหยิบอะไรจากด้านหลัง แต่ผมที่ใจหายผวากอดเอวพี่ไว้เสียเอง

"น้องขอโทษ ขอโทษๆๆ ขอโทษครับ"

"ถ้าน้องโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้ทำอะไรไปพี่จะจัดการอะไรมากกว่านี้อีก"
พี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่มองหน้าผม พี่คงรู้ชะตากรรมของคนที่ทำร้ายผมสองคนนั้นแล้ว ไอ้อ้วนนั้นถ้ามันเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนไอ้สองตัวนั่นก็คงจะโดนเหมือนกันจากพี่

"น้องรู้ตัวมั๊ยว่าโดนป้ายยา?"
นั่งยองๆลงตรงข้างเตียงอ้าแขนรับอ้อมแขนผมอีกครั้ง ความจริงตอนที่ตื่นขึ้นมาเจอกับไอ้อ้วนนั้นผมยังมึนงงบวกกับยังเสียใจอยู่มาก ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเสียสนิท จนเมื่อมันยอมให้ผมได้อยู่กับตัวเองสักพัก ความทรงจำสารเลวนั่นก็แล่นเข้ามาแจ่มชัดในห้วงสมอง

คืนนั้นผมโดนป้ายยาโดยไอ้สองตัวนั่น ตอนที่ไอ้อ้วนมันอุ้มพาผมกลับเข้ามาในรถก็พยายามจะลูบไล้ฟอนเฟ้นอีกฝ่ายตลอดเวลา เป็นผมเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  วันต่อมาความโกรธที่มีต่อไอ้อ้วนกลับหายไปเองอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะตะขิดตะขวางใจกับการมองสบตามันอยู่บ้างแต่ผมก็ไม่ได้ฟูมฟายใหญ่โตแล้ว

ผมพยักหน้ากับอกพี่ รับรู้ว่ามีสัมผัสอบอุ่นมาลูบศีรษะปลอบโยนอีกครั้ง

พี่ค้างด้วยไม่ได้นะครับ อยู่คนเดียวอย่างอแงนะ"
ผมพยักหน้ารับรู้ พี่ต้องกลับไปหาคนของพี่ผมเข้าใจดี

"ริวยังไม่ตื่นอีกเหรอ นอนนานๆพี่ก็จับจุมพิตให้ตื่นสิครับ"

"เจ้าหญิงตื่นแล้วหล่ะ แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้มาก นอนมาสามปีสงสัยลืมวิธีการเดินไปหมดแล้วหล่ะ นี่พี่ก็จะกลับไปนวดให้กล้ามเนื้อคลายๆไปบ้าง ส่วนการหัดเดินโรงพยาบาลเค้าก็มีนักกายภาพมาช่วยเหลือทุกวันอยู่ ความจริงบางครั้งพี่ก็เดินเข้าไปเฝ้าได้อย่างเดียวไม่มีไปช่วยอะไรเค้าเพิ่มหรอก แค่ตื่นพี่ก็ดีใจมากแล้ว"
พี่เคย์โตะบอกออกมา พี่ผละจากผมไปเปิดตู้เย็นหยิบแผ่นเจลประคบตาส่งมาให้ผม

"ริวจัง...มีความสุขดีใช่มั๊ยฮะ?"

"ริวไม่โกรธน้องหรอก เชื่อพี่นะคนดี น้องรู้มั๊ยว่าตอนเขาลืมตาขึ้นมาเขาแทบพูดไม่เป็นคำเพราะคอแห้งจากการไม่ได้ใช้เสียงมานาน แต่ริวเปลี่ยนไปเยอะ ริวไม่ใช่คนเอาแต่ใจชอบเอาชนะและขี้อิจฉาเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ริวหน่ะอยากพบน้องจะตาย แต่น้องสอบเข้ามหาลัยอยู่เขาก็ห้ามไม่ให้พี่บอกน้องเรื่องที่ตื่นนั่นแหละ กลัวไม่มีสมาธิเขาบอก ฮะๆ"

"พี่ห้ามทิ้งเพื่อนน้องนะ"
ผมส่งสายตากดดันไปที่พี่ ถึงพี่จะบอกผมว่าไปหาริวทุกวัน แต่ใจพี่ผมไม่รู้เลยว่ามีสักวันไหมที่จะรู้สึกกับริวได้มากกว่าคำว่าสงสาร

"พี่...รัก"
"ริว"
"ครับ พี่รักริว..."
พี่จูบเปลือกตาผมเบาๆ แล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งมองเจลประคบลดบวมนั้นด้วยความรู้สึกที่แปลบปร่าในใจ

ผมทำเรื่องเห็นแก่ตัวกับพี่มาตลอด

แต่พี่ก็ทำให้ผมแน่ใจว่า เราสองคนนั้นมีบางอย่างที่เชื่อมต่อถึงกัน และถ้าอยู่ใกล้กันมากกว่านี้มันอาจจะแสดงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ม่านบางๆของความสัมพันธ์พี่น้องที่กั้นเราอยู่ ผมได้แต่กันตัวเองออกมาเงียบๆ ผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้อีกแล้ว เพราะถ้าผมกับพี่ไม่รีบหยุดมัน พี่จะกลายเป็นคนเนรคุณขึ้นมาทันที

++++++++++++++++++++++++++++++

กี่วันแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปจากบ้านนี้

หลังจากที่พี่กลับไป
ผมกระชับผ้าห่มผืนหนาเข้ากับตัวให้แน่นขึ้น

จู่ๆเสียงเปิดประตู่ห้องก็ดังขึ้น
ทั้งที่ผมสั่งไปแล้วว่าห้ามให้ใครเข้ามาในห้องนี้ ถ้าหิวข้าวผมจะบอกเอง

กำลังจะผงกหัวขึ้นไปด่าบอร์ดี้การ์ด...

ไอ้อ้วนมันเดินอาดๆเข้ามาในห้องส่วนตัวของผม มือกระชากผ้าห่มที่ผมซุกอยู่ทั้งคืนให้หลุดขึ้นไป เอาฝ่าตีนยันเบาๆที่สะโพก ปลุกเถื่อนสม่ำเสมอจริงนะสัดอ้วน!!

"เหี้ยหนิ! ปล่อยกูดราม่ามั่งได้มั๊ย กวนแต่เช้าจริงมึง"

"มึงก็ตื่นง่ายๆเหมือนชาวบ้านร้านตลาดซะมั่งสิ  ไม่ใช่ได้กูแล้วจะใช้ให้ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกทุกคืนนะสัด"
มันถอนหายใจเหมือนผู้หญิงโดนข่มขืนแล้วฝ่ายชายรับเข้าบ้านมาเป็นเมียทาส ไอ้สัดนี่ หน้าระรื่นไปมั๊ยมึง

"มาทำไม มึงไม่ต้องไปตรวงานตรวจการอ่ะ? "
สันดานเสียตอนเรียนก็โดดเรียนตอนทำงานก็โดดงาน

ไอ้อ้วนเอนตัวลงนอนง่ายๆข้างๆกองผ้าห่มที่มันดึงออกไปจากตัวผมเมื่อครู่
"ก็มึงยังไม่ตื่นมาเตรียมตัวไปเรียนเลย กูก็ทำตามมึงสิ"
ไอ้เหี้ย!!! ตอแหลตีหน้าเศร้าได้น่าเอาตีนนาบหน้ามาก

"กูไม่ได้ตัวติดกันกับมึง ไม่ต้องมาเปรียบเทียบกะกู อีกอย่างวันนี้กูไม่มีเรียนโว๊ย ช่วงนี้มีเทศกาลรับน้องขี้เกียจไปนั่งฟังรุ่นพี่บ่น"
มันไม่ยอมปล่อยให้ผมดราม่าจริงๆ

"อีกสองสามนาทีถ้ามึงไม่ลุกจากที่นอน มึงได้ตัวติดกับกูแน่ไอ้เตี้ย"
แม่งงงงง!! ผมมองตามสายตาหื่นขั้นแม็กซ์ของมันมาหยุดตรงกลางลำตัวที่ชี้โด่ชี้เด่เคารพธงชาติเหมือนทุกวัน มันเป็นปกติของผู้ชายทุกคนอยู่แล้วนะผมว่า ตื่นนอนก็คึกคักเข้าห้องน้ำไปชักเดี๋ยวก็สงบลงแล้ว....แต่จากสายตาไอ้อ้วนนั่นผมรีบผลุนผลันวิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการยูริน้อยก่อนที่จะตัวติดกันกับมันทันที

แม่งหื่นตลอดช่วงนี้

"เขาว่ากันว่าถ้าชักให้แตกไปรอบนึงแล้วรอบต่อไปจะอึดขึ้น มึงอยากลองบ้างมั๊ย"
มันตะโกนไล่หลังมาติดๆ เหี้ยหนิ!


...................................

อ้วนมันนั่งอยู่ที่ตีนบันได
โซฟามีให้นั่งก็ไม่ยอมนั่ง

มันหัวเราะคุยโทรศัพท์รุ่นเดอะ แจ๊วๆเหมือนหมาน้อยอ้อนเจ้านาย
"ค๊าบๆ สัญญาว่าพรุ่งนี้จะทำงานเพิ่มเป็นสามเท่าเลย พอใจยัง"
"อือฮึ ถ้าอยู่ในโอวาทเหมือนยูโตะมันก็ดีสิ "
"อยากมัดติดไว้กะพุงไม่ให้ไปไหนเลย"
"สัญญาแล่วน่าาาา"
"เคๆ เดี๋ยวขโมยสตอว์เบอร์รี่แถวนี้ไปให้"
"งอนผมก็ไม่ง้อหรอกนะคนสวย ไปงอนยูโตะไป๊"
"ฮ่าๆๆๆๆ ไปทำงานเร็วๆคุณเลขา"

ผมทำเป็นไม่เห็นสีหน้าระรื่นของมัน ก้าวขาสั้นๆพาตัวเองไปหยุดยืนอยู่ที่โซฟาใหญ่ แต่น้ำตาที่มันรื้นๆขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กลับทะลักออกมาเพียงเพราะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

"อ้วนมึงมาเปิดแคมป์ที่บ้านกูได้กี่วันแล้ว"
กองหนังสือโป๊กับห่อขนมเป็นลังๆวางเรียงรายล้อมร้อบผ้าห่มผืนหนาและหมอนกองโต อย่าบอกนะว่ามันมานอนที่นี่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว

"ก็ตั้งแต่พี่มึงออกไปแหละ ก่อนจะไปมันก็ไปหากูแล้วเสนอสถานที่ตั้งแคมป์สุดพิเศษไม่คิดค่าเช่า กูก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เห๊ย มึงอย่าร้องไห้สิวะ สัดหนิ กูไม่ได้เต็มใจมาหรอกน่า มึงจะร้องไห้เสียใจทำไมเนี่ย"
มันลนลานวางมือถือไว้ข้างตัวถลันเข้ามาหาผม เหมือนตัวเองเป็นคนทำให้ผมร้องไห้เสียอย่างนั้น จริงๆก็มันนั่นแหละตัวการเลย

"บ้านช่องมีก็กลับไปนอนเตียงอุ่นๆสิ มานอนเกะกะบ้านคนอื่น"
ผมแว๊ดใส่ ทั้งที่น้ำตามันยังไหลออกมาไม่หยุดเนี่ยแหละ

อ้วนมันใช้นิ้วปาดไอ้ที่ไหลพรากๆนั้นให้อย่างทะนุถนอม มันยิ้มเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
"แล้วมึงจะอยู่กับใครละไอ้เตี้ย อย่างน้อยตอนนี้มึงก็อยู่กับกูไง มึงหน่ะพวกขาดความอบอุ่น กูนี่แหละความอบอุ่นของมึง วันนั้นกูยังทำมึงอุ่นจนร้อนเลยจำไม่ได้เหรอ"
สัด!! เคยซึ้งกะใครเค้าเกินห้าประโยคบ้างมั๊ยเนี่ย

"ไม่ต้องเลยมึงอ่ะ  ถ้าแม่กูไม่บังคับมึงก็ไม่ทิ้งงานการระดับชาติของมึงมาดูแลกูหรอก"
ผมพูดถากถางมัน ตอนนี้เราสองคนยืนแง่งอนกันเหมือนพระเอกนางเอกอินเดียจนผมรับไม่ได้ซะงั้น

"กูทำงานไปด้วยเลี้ยงเด็กไปด้วยได้น่า มึงก็รู้ว่ากูหน่ะ...อึด!"
ไอ้อ้วนสมองควายนี่!มึงจะทำให้กูหน้าแดงกับคำพูดหลายแง่หลายง่ามนั่นใช่มั๊ย

ผมกับมันหน่ะนะ...
ไม่หวานแม้แต่นิดเดียว
ปากก็หมาทั้งคู่
คุยกันทีไรแห่กันมาทั้งสวนสัตว์
แต่มันหน่ะนะ...
ความอบอุ่นของผมแหละ




..........................จบ.....................






[SF] kimi+boku=LOVE (1/2)






[SF] kimi+boku=LOVE (1/2)





"สัดอ้วน สายนะแม่ง ถ้าไม่ติดมึงต้องไปประชุมผู้ปกครองแทนพ่อกูนะ ไม่รอหรอก"
ไอ้ตัวเล็กหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิง ขี้บ่นยิ่งกว่าสาวแก่ บ่น บ่น บ่น และก็บ่น ทันทีที่ผมเปิดประตูน้องอาโอะซีวิคสุดสวาทให้มันได้ก้าวขาสั้นๆนั่นนั่นเข้ามาลวนลามรถผม

"บ่นมากหน่ะเตี้ย วันนี้วันเดียวแหละที่กูจะจะให้มึงได้เข้ามาในตัวน้องอาโอะของกู"
ไม่อยากจะบรรยายโวหาร แต่ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเสวนากับไอ้นี่นักหรอก

"หยั่งกะกูอยากไปกับมึงนักแหละ ทุ้ย"
นั่น ไอ้เตี้ยชิงหมาเกิด สถุนได้อีก

วันนี้เป็นวันเปิดการเรียนของมหาลัยชื่อดังที่ไอ้เตี้ยมันสอบเข้าได้แบบฟลุ๊คๆ ผมไม่เชื่อหรอกว่าน้ำหน้าอย่างมันจะตั้งใจเรียนจนสอบติดมหาลัยนี้

ตามธรรมเนียมของเฟรชชี่ต้องมีการนัดประชุมผู้ปกครอง แต่พ่อแม่มันเกิดอารมณ์อยากจะฮันนีมูนรอบที่สามสิบสองเลยชวนพ่อแม่ผมไปลุยจับหอยหลอดที่เมืองไทยสบายอุรา ปล่อยให้ผมต้องรับผิดชอบลูกชายสัมภเวสีนี่อย่างจำยอมโดยมีมรดกของบ้านผมเป็นตัวประกัน

ผมกะไอ้เตี้ยที่พอขึ้นรถผมมาได้ก็เอาไอพอดขึ้นมาเสียบหูฟังเล่นไปสบายอุรานี่ไม่ค่อยจะถูกกันนักหรอกครับ เรียกว่าศัตรูเลยดีกว่า ถ้ามันเป็นญี่ปุ่นผมก็เป็นเกาหลีอ่ะแหละ

จำได้ว่าตอนผมหกขวบ แม่มันเคยพามันซึ่งตีนเท่าฝาหอยแครงมาเที่ยวบ้านซึ่งอยู่ติดกันนั่นแหละ ไอ้ผมก็เห็นน้องตัวเล็กแล้วเอ็นดู กะจะเปิดผ้าดูเอ็นมันเสียหน่อย แม่งกลับฉี่รดหน้าผมเต็มๆ แค้นสิครับ หยามบุรุษเพศมากไปแล้ว ฉี่รดหน้าไม่พอหัวเราะเยาะอีกต่างหาก เห็นกูเป็นแก๊งสามช่าเหรอสัด?

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตผมก็ไม่เคยรอดพ้นจากมันเลย พ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันบังคับข่มขืนใจให้ผมต้องคอยรับใช้มันตั้งแต่มันเข้าเรียนอนุบาล คิดดูว่าผมแสนจะเบื่อขี้หน้ามันมากแค่ไหน

"สวยตายหล่ะน้องอาโอะ ดูแลหยั่งกะเมียท้อง จะอ้วก"
อ้าวสัดเตี้ย มึงท้องก็ลงไปอ้วกในป่าข้างถนนเลยนะ อย่าเอามลทินมาแปดเปื้อนรถกู มึงตั้งใจบ่นค่อยๆให้กูได้ยินใช่ป่ะเนี่ย

เส้นทางที่ผมเลือกใช้เป็นถนนสายเลี่ยงเมืองเนื่องจากทางไปมหาลัยนั้นออกจะกันดานอยู่สักเล็กน้อย(ไม่เล็กน้อยหล่ะสามสิบนาทีมีรถสวนมาคันเนี่ย)

มือขาวซีดเหมือนซากศพไมเคิ่ลแจ๊คสันนั้นเอื้อมจะคว้าแผ่นซีดีที่ค้างอยู่หน้าคอนโซล คงจะมาเปิดร้องคาราโอเกะเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหายอมไม่  ไม่รู้อะไรซะแล้วว่าไอ้แผ่นนั้นมันลับเฉพาะคนรู้ใจที่ผมได้มาจากแฟนคลับเชียวนะ(เออ...ผมก็มีแฟนคลับเหรอวะ?)

"เห๊ยๆ เห๊ยๆๆ"
ส่งเสียงขู่ไปเหลือบมองเจ้าของมือหลุกหลิก

"เป็นบ้าไรของมึง มองกูด้วยสายตางี้มีตัณหาแก้ไม่ตกไง"
แล้วมันก็ยัดซีดีเข้าเครื่องเล่น

ตัณหาหน่ะมีเยอะเลย แต่มีกับสาวๆสวยๆนะไม่ใช่กับมึง โชคดีที่รถผมยังติดตั้งเครื่องเสียงรุ่นเก่าอยู่ การประมวลผลเลยไม่ค่อยไหลลื่นเหมือนของคนอื่น

เสียงห้ามล้อดังสนั่นเหมือผมเหยียบเบรกกระทันหัน

"เอี๊ยดดดดดดดดดดด"
ผมอาศัยจังหวะไอ้เตี้ยตกอกตกใจรับกดปิดแล้วดึงแผ่นออกมาหนีบไว้ใต้ขาหนีบทันที

ทันทีที่มันตั้งตัวได้  ภายในตัวน้องอาโอะของผมก็ไม่สงบอีกต่อไป มือน้อยๆเขวี้ยงไอแพดไปตกปุที่หลังรถไม่ปราณีปราศรัย หันมาสนใจกระผมแทน

"เหี้ยยยยยยย ทำเหี้ยอะไรของมึงห๊ะ กลัวไม่ตายห่าไง เบรกหยั่งกะเจอจิ้งจกโดนตุ๊กแกกินตับ เอาปืนจี้ขอใบขับขี่มาใช่มั๊ยสัด เกิดกูตายไปทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนเดวิด เบ๊คแฮม มึงจะเผาไปให้กูในปรโลกเหรอเหี้ย"
ไอ้เด็กเวรนี่ ขึ้นเหี้ยลงเหี้ยจนผมเกือบไปส่องกระจกดูหน้าเหี้ยๆของตัวเองแล้วว่ามันไปคล้ายคลึงกับเหี้ยตรงไหน

"มึงห้ามมองกูด้วยสายตาแบบนั้นนะเตี้ย"
ผมตะโกนใส่มันบ้าง เมื่อโดนด่าไม่พอยังมาทำสีหน้ารังเกียจผมเต็มประดาใส่กัน

"ไมกูจะมองไม่ได้ โตเป็นควายแล้วยังเล่นเหมือนเด็กสิบขวบ มึงชอบเอาชีวิตมาเป็นของเล่นเหรอ มึงคิดว่าชีวิตมันน่าเล่นมากใช่มั๊ย"
มันด่าผมแวด อัพเดทสายตาเป็นเลเวลสูงขึ้นเป็นแบบ"เหยียดหยาม"

"เมื่อกี๊กูเห็นงูเลื้อยผ่านหน้ารถ"
อ้อมแอ้มแก้ตัว มันก็ไม่ว่าอะไรแต่แววตานั้นลดเลเวลลงแล้ว หันไปบ่นให้ผมได้ยินอีกดอก

"ตาตี่อย่างมึงมองเห็นงูด้วยเหรอ"
เหี้ยนี่ งูมันตัวใหญ่กว่าจิ้งจกโดนตุ๊กแกกินตับของมึงอีกกูจะบอกให้ อย่ามาวิจารณ์ตาชั้นเดียวอันเป็นเสน่ห์ของกูนะ

"เกลียดมึงจริงๆ กลบเกลื่อนอะไรไม่เคยจะมิด ส่อพิรุธตลอด"
มันเอื้อมตัวข้ามพนักไปหยิบไอแพดที่สันนิษฐานว่ายังใช้ต่อได้ของตัวเองมาเสียบหูฟังเปิดฟังเพลงเอนหลังหลับตาพริ้ม
ปล่อยให้ประโยคนั้นซึมซาบเข้าก้านสมองผมช้าๆ กูรู้หรอกว่ามึงเกลียดกูอ่ะ จะย้ำทำไม?

ผมหยิบแผ่นซีดีขึ้นมาสอดเข้าที่เดิมของมัน ซึ่งตอนนี้ไอ้เตี้ยไม่สนใจมันแล้ว

บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคนแบบนี้





เวลามันเงียบแบบนี้ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

....

น้องอาโอะพาผมและเฟรชชี่คณะอักษร เคลื่อนเข้ามาจอดในโรงรถของมหาลัยในเวลาค่อนข้างสาย

ผมเปิดประตูออกมาด้วยมาดที่ส่องกระจกทำที่บ้านมาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าดูเท่และแมนแฮนซั่มสะดุดตาสาวๆ

ขาพาก้าวไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยสู่หอประชุมหลังใหญ่ การที่เคยเรียนที่นี่มาสี่ปีทำให้ผมสามารถรู้ทุกซอกทุกมุมจนเกือบจะทำแผนที่ได้ด้วยซ้ำ

แต่แปลก??

ผมหันซ้ายย้ายไปขวาพบว่าตัวเองกำลังเดินคนเดียว?



สัดเตี้ยแม่งหายหัวไปไหนฟะ?




การเดินดุ่มๆย้อนกลับไปทางเดิม เป็นความคิดอันปราชญ์เปรื่องที่ผมแทบจะก้มลงกราบตีนตัวเอง ในที่สุดก็ได้รู้ว่าไอ้เตี้ยมันจ้องจะลวนลามน้องอาโอะของผมจริงๆ เพราะตอนนี้มันกำลังพิจารณาภาพในจอแอลซีดีตรงหน้า แล้วหน้าแดงเอาๆ

อารมณ์ผมพุ่งทะยานไปหลายร้อยกิโลเมตร เมื่อกวาดตารอบๆแล้วพบว่านักศึกษาชายบางคนไม่สิ ทุกคนเลยดีกว่า จ้องทะลุน้องอาโอะของผมด้วยสายตาหื่นกระหาย

สัด คราวหลังกูจะติดฟิล์มดำอาโอะทั้งคันเลย ห้ามใส่ซีทรูอีกตลอดชีพ

ด้วยเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นนายน้อยของเหล่ามาเฟียน้อยใหญ่ทั่วประเทศ ผมเลยกลายเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะโดนบังคับให้ทำโน่นทำนี่บริการไอ้เตี้ยแต่ถ้าเป็นบ้านที่เรียกว่ารังโจรของตัวเองแล้วผมเทียบเท่าพระราชาเลยทีเดียว ไอ้อาการหน้าแดงก่ำ

ปากพึมพำนั้นบุคคลภายนอกที่ส่องเข้าไปเจอมันเหมือนยั่วยวนชัดเจน มือกับขาผมกระตุกยึกๆ อยากกระชากปืนมายิงเล่นให้หายเครียดตามสไตล์ลูกชายมาเฟียจริงๆ

แต่สำนึกดีก็บอกว่านี่เป็นสถานศึกษา และเป็นอดีตสถานที่ให้ความรู้ของตัวเองด้วย แม้ว่าสมัยยังอยู่ที่นี่ผมจะชอบแอบไปหลับน้ำลายยืดในห้องพยาบาลมากกว่าศึกษาก็ตาม แต่ควรจะให้เกียรติสินะ

เลยได้แต่ส่งสายตาไปรอบๆ แม่งงงง แฟนคลับไอ้เตี้ยตูดปอดนี่มีแต่ผู้ชายไงวะ หงุดหงิดหาสาเหตุมิได้

ก้าวไปกระชากอาโอะให้เปิดกระแทกกระทั้น ให้รู้ว่ากูไม่พอใจที่มึงนั่งซบลวนลามรถกูนานมากไปแล้ว(จริงๆนะว๊อย)

"จะนั่งให้ริดสีดวงแตกไง ออกมา"

"ถ้ากูไม่นั่งกูจะรู้เหรอว่ามึงแอบมีแผ่นรวมภาพของกูตั้งแต่แบเบาะไว้กับรถ"
สัดดดดดด คิ้วกระตุกยึกๆ ก็กูบอกแล้วว่าแผ่นเหี้ยนี่แฟนคลับให้มา(มึงบอกตอนไหน?/เจน)

"กูไม่ได้อยากได้หรอกสัด แผ่นนี้พ่อแม่มึงให้กูมาหรอกโว๊ย เขาบอกว่าตอบแทนที่กูดูแลมึงมาดีอย่างกับผีขนุนใต้ถุนบ้าน หนอนไม่ให้ไชไรไม่ให้ตอมต่างหาก ลำพังตัวกูหน่ะไม่ได้อยากมองหน้ามึงเลยเหอะ ไม่เจริญหูเจริญตา"
นี่ผมพูดเหี้ยอะไรออกไป หน้าแดงๆอย่างน่ารักของไอ้เตี้ยกลับค่อยๆซีดเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี มันจะเสียใจหรือเปล่าวะ แต่ผมมันพวกปากหมามันก็น่าจะรู้

มันเม้มปากแน่น แต่ก็เชิดหน้าเหมือนซ่อนน้ำตา(ผมคิดเข้าข้างตัวเองมาไปเปล่าวะ?) ก้าวขาสั้นๆลงมาช้าๆ เดินเชิดตั้งท่าเหมือนซุป'ตาร์ยืนอยู่บนพรมแดงเมื่อมีคนขับรถวิ่งมาเปิดประตูให้

นี่ผมกลายไปเป็นคนขับรถมันแล้วใช่มั๊ย? เออ ถึงจะขับรถให้มันนั่งอยู่ตลอดแต่นี่ครั้งแรกนะที่มันมีบุญได้นั่งอาโอะ แล้วผมก็ออกจะดูดีมีสกุล คอยบริการมันเนี่ยก็เพราะมรดกหรอกเว๊ย

"จะยืนเคารพธงชาติอีกนานมั๊ยไอ้อ้วน กูไม่ได้มีเวลาให้มึงทั้งวันนะเว๊ย"

ไอ้เตี้ย!!!!
คำนั้นมันควรเป็นผมไม่ใช่เหรอที่ควรจะพูดกับมัน เวลาของเจ้าของบริษัทอย่างผมเป็นเงินเป็นทองคุ้มค่าทุกวินาทียิ่งกว่าไทยทีวีสีช่องสามอีก นักศึกษามหาลัยอย่างมันมีสิทธิ์พูดเหรอคำนี้

ผมแหวกฝูงชนที่จ้องมองการสนทนาของพวกผม(หรืออาจจะตั้งแต่จ้องหน้าแดงๆของไอ้เตี้ย) ราวกับจะจดสคริปต์แต่งนิยาย ถลึงตาใส่ไอ้เตี้ยไปอย่างเอาเรื่อง อายก็อาย หน้าที่เคยด้านๆจับดูแล้วดูเหมือนจะยังฉาบอิฐฉาบปูนไม่เพียงพอ



กูไม่น่ามาเป็นผู้ปกครองให้มันเลย หมดกันภาพพจน์



...

ความเตี้ยทำให้ผมมองหาเด็กในปกครองไม่เจอ หลังจากออกมาจากห้องนอน เอ๊ย ห้องประชุมที่มีเสียงหวึ่งๆวี๊ๆน่านอนหลับ นั่นแล้ว ผมก็รีบฝ่าฝูงผู้ปกครองออกมากดโทรศัพท์หาไอ้เตี้ยทันทีไม่รอช้า

แต่ไม่ว่าผมจะพยายามกดจนนิ้วด้านเท่าไหร่ เสียงเรียกปลายสายก็ยังคงเป็นสัญญาณว่าติดต่อได้แต่ไม่มีใครสนใจรับสายอยู่ดี


 แม่ง!!! ไอ้เด็กแสบหายไปไหนของมันแล้ววะ

ยืนไปยืนมาชักจะนานเกินรอ ผมเลยก้าวยาวๆไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการหงุดหงิดชัดเจน ตัดสินใจว่าถ้าออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอหน้ามันผมก็จะกลับแล้วหล่ะ ไม่รอแน่ๆ เรื่องอะไรจะต้องคอยเป็นห่วงมันขนาดนั้น ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายเหมือนกันแถมยังปากจัดอย่างกับเจ๊เบียบ

ขณะที่ผมก้าวยาวๆคิดอย่างหงุดหงิด พลันสายตาก็ไปพบกับโทรศัพท์เครื่องน้อย ที่ผมจำได้ว่าเป็นของไอ้เตี้ยเข้า

ที่จำได้ดีเพราะมันแขวนที่ห้อยตัวจอมมารบูพวงใหญ่นั่นแหละ ความจริงผมค้านหัวชนฝาตอนที่มันอ้อนจะซื้อไอพอด ไอแพด ไอโฟน และสารพัดไอต่างๆนานา เพราะไอ้เตี้ยมันเป็นพวกไม่รักษาสิ่งของ ซื้อมาแป๊บเดียวเบื่อมันก็เอาไปบริจาคซะอย่างนั้น จะมีแต่เครื่องนี้แหละที่มันใช้มานาน เพราะเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกที่ผมแพ้พนันมันตอนดูดราก้อนบอลว่าบูอ้วนจะตายด้วยน้ำมือใคร? แล้วต้องซื้อให้มันด้วยความจำใจ แถมมันยังแขวนจอมมารบูไว้เตือนใจให้ระลึกถึงความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่นั่นอีกด้วย

ผมหยิบมันขึ้นมามองอย่างสงสัย ฝาพับมันหักแต่ดูเหมือนจะยังใช้ได้อยู่ ยี่สิบสามสายไม่ได้รับของผมโชว์หราขึ้นมาให้เห็นว่า เจ้าของโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ใกล้มันเพียงพอที่จะได้ยินมัน

หรือไม่อย่างนั้นก็คงโดนใครบังคับพาตัวไปไหนแน่นอน

เพราะผมมั่นใจว่าไอ้เตี้ยรักโทรศัพท์เครื่องนี้มาก



ก็มันเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่มันมีต่อผมนี่...มันเคยบอก

...

ปัง!!!!

เสียงสิ่งหนึ่งกระทบประตูทำให้ผมรีบวิ่งไปที่ห้องนำชายที่แขวนป้ายทำความสะอาดทันที ไม่ลืมที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารอันจ้อยลงไปในกระเป๋ากางเกง

ภาพที่ผมเห็นทำเอาเลือดในตัวหมุนเวียนเหมือนทะเลสีทันดร

ผมแทบจะสติขาดเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อเห็นร่างเล็กในชุดสุภาพของไอ้เตี้ย บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยคราบสีขาวเปรอะเปื้อนไปทั่ว

เด็กหนุ่มวัยรุ่นสองคนรุมฟอนเฟ้นอย่างหิวกระหาย เจ้าตัวได้แต่ครางหน้าแดง ที่แก้มมีรอยโดนตบชัดเจน คราบน้ำตาเปื้อนจนดูไม่ได้

"ยูริ!!!!!"
ผมตะโกนลั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง ภาพสุดท้ายที่เห็นแล้วจำได้ชัดคือตัวเองกระชากไอ้เด็กสองตัวนั่นมากระทืบไม่ยั้ง สภาพพวกมันยับเยินเหมือนกระดูจะหักอยู่หลายท่อน แต่ผมไม่สนใจ พอตั้งสติได้ก็รีบช้อนอุ้มร่างเล็กของไอ้เตี้ยของผมดันเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดเบาๆ

ในขณะที่เปิดฝักบัวราดรดร่างนั้นอย่างกับคนบ้า น้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ผมเลี้ยงของผมมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยปล่อยให้ใครได้ทำอันตรายได้ แต่วันนี้ผมกลับประมาทสั่งบอดี้การ์ดไม่ให้ติดตามจนไอ้เด็กคนนี้เกิดเรื่อง

ไอ้เตี้ยของผมยกมือขาวขึ้นมากอดอกเพราะความหนาว แน่หล่ะ ไม่หนาวได้ไงในเมื่อผมตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะล้างคราบพวกนี้ออกไปไม่ให้เหลือติดไว้แม้แต่น้อย

ก่อนจะอุ้มร่างน้อยออกที่ห่อตัวอยู่ในเสื้อโคทตัวโตของผม ก็ไม่ลืมใช้ปืนเก็บเสียงกระหน่ำยิงเศษสวะไม่ยั้ง

ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรักทันที

"ยาบุ ที่ห้องน้ำ ม.M จัดการศพให้ด้วย บอกเคย์ให้ทีว่ากูจะพาคนป่วยไปหามัน ไล่คนไข้คนอื่นออกจากคลินิคให้หมด"







เสียงครางเบาเหมือนเสียงละเมอทำให้ผมต้องเอียงหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังให้ชัด
"ยูยะ ฆ่าผมที"

กูไม่ยอมให้มึงตายหรอกสัดเตี้ย!!!!!!












to be con



....................................


อิเจนแถลง

เรื่องนี้แต่งจบแล้วนะคะ อยู่ที่ว่าอิเจนจะพิมพ์รึเปล่า
มีสองตอน ตอนแรก คนดำเนินเรื่องคืออิอ้วน ตอนที่สองคนดำเนินเรื่องคือไอ้เตี้ย


ใครบอกว่ามันมีมาม่า???

ไม่มี๊~~~ << เสียงสูงเพื่อ?









10 ตุลาคม 2554

my เด็กลุงจ้อน

1.ชื่ออะไรกัน (จริงเล่น ปลอม ได้หมด)
• เจนจัง เจนจุง เจนจัดจัง เจนจบ

2.เกิดปีไรกัน
•ปีเดียวกับอิเต่าขีด ณ คัตตุน

3.ชอบเด็กลุงวงไหน
• เทโกมัสสึ เฮย์เซย์จั๊มพ์ นิวสึ เอ็นวายซี คัตตุน (สมควรยุบเทโกมัสมาไว้ที่นิวสึและยุบเอ็นวายซีมาไว้ที่จั๊มพ์ซะ)

4.คุณรู้จักเด็กค่ายนี้ได้ยังไง
• นิตยสารเล่มนึงชื่อ NIPPON

5.รู้จักใคร/วงอะไร ในจอห์นนี่คนแรก
• ฮิเดอากิ ทาคิซาว่า

6.จากข้อบน รู้จักได้ยังไง
• นิปปอน

7.ใน Arashi ชอบใครมากที่สุด
• หัวหน้าโอ

8.แล้วชอบเพลงอะไรของ Arashi
• วันเลิฟ อา-รา-ชิ

9.ใน KAT-TUN ชอบใครมากที่สุด
• พี่คิ

10.แล้วชอบเพลงอะไรของ KAT-TUN
• เม้กยูเว็ท =3=

11.ใน NEWS ชอบใครมากที่สุด
• เทโกมัส

12.ชอบเพลงอะไรของ NEWS
• ไทโยโนะนามิดะ / ไอโนะมาทาดอร์ / ไอนันเตะ / ไอไอกาสะ(ไม่เกี่ยว!!!) / นิวสึนิปปอน / โกเมนเนะจูเลียต / ช๊อคมี / ซากุระเกิร์ล / โค่ยโนะเอบีโอ / นันโตกะ นารุสะ / มาสุเปอร์แมน / แฮปปี้เบิร์ธเดย์ / ซัมเมอร์ไทม์ (มึงทำไมไม่บอกไปว่าทุกเพลงวะเจน??)

13.ใน Hey! Say! JUMP ชอบใครมากที่สุด
• อิป๋าเกิบแตะ และชี่น้อยยาม้า (ตอนนี้ชอบกล้ามน้องเม่น)

14.ชอบเพลงอะไรของ Hey! Say! JUMP
• ยั่วซี๊ด / อาริกาโตะ / ทูชาย(ทูเคย์) / มาโยฯ / โอเระตาจิโนะเซย์ชุน / โบเค่นไรด้า / ซุริรุ / ไทม์ / โจเนทสึจั๊มพ์ / ชินกุ / สตาร์ไทม์ / ฮิโตมิโนะสกรีน / อุรุวะชิโนะแบ๊ดเกิร์ล / เอเชียโนะโยรุ / สคูลเดย์ / เอนเลสดรีม....................ทุกเพลงที่มีน้องริว

15.นอกเหนือที่กล่าวมา ชอบวงอะไรหรือใครกันอีก
• kitty GYM

16.ร้องเพลง/ฟังเพลงของ SMAP ไหม แล้วเพลงอะไร (ถ้าหลายเพลงเอาที่ชอบมากๆ)
• ไม่มี

17.ถามเหมือนข้างบน แล้ว V6 ล่ะ
• ไม่รู้จักแต่เคยฟัง

18.เหมือนข้อ16 แต่เป็นวง TOKIO
• คำตอบเหมือนข้อ 16

19.เหมือนข้อ16 แต่เป็น ทักกี้&สึบาสะ
• วีนัส (เพลงเดียวที่ติดหู)

20.เหมือนข้อ16 แต่เป็น Kinki Kids
• ก็คำตอบเหมือนข้อ 16 อีกนั่นแหละ

21.เพลงแรกของเด็กลุงที่ร้องได้
• ไม่อยากจะบอกว่า...โอเระตาจิโนะเซย์ชุน เพราะฟังบ่อย

22.เพลงแรกของเด็กลุงที่ได้ฟัง
• อาราชิโนะคานิวัล

23.เต้นเพลงไรได้บ้าง
• ได้เพลงเดียว โจเนทสึจั๊มพ์ เพราะส่องรายการสคูลคาคุเมบ่อย

24.รู้จักเด็กลุงคนแรกจากละครเรื่องอะไร
• โรงเรียนนักสืบคิว

25.รวมๆแล้วชอบเด็กลุงมานานเท่าไหร่
• ถ้านับตั้งแต่พี่กี้ก็สิบเอ็ดปี ถ้านับแบบตามจริงจังเพิ่งห้าปี

26.ตอนนี้อยากเจอใคร หรืออยากให้ใครมาไทย
• พี่คิ จะขอก็รีบขออย่ารอให้ถึงปีหน้า

27.สุดท้ายนี้ อยากพูดอะไรไหม
• อิลุงชั่ว น้องริวกูอยู่ไหน!!! (อารมณ์จาพนมตามหาช้าง)